"ทรงศักดิ์"โวยปชป.กล่าวหาเลื่อนลอยทุจริตเช่ารถแอร์ NGVเข้าครม.พรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 9, 2008 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ข้อกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่ามีนักการเมืองได้รับประโยชน์จากโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศ 6 พันคัน มูลค่า 1 แสนล้านบาท เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย เพราะขณะนี้โครงการยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะรอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยกระทรวงจะเสนอให้ครม.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ 
หากครม.อนุมัติจะต้องจัดทำร่างสัญญาและเงื่อนไขการเช่าหรือทีโออาร์ และจัดประกวดราคาแบบอี-อ็อคชั่น หลังจากนั้นจะมีความชัดเจนของอัตราค่าเช่ารถโดยสาร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นการประกวดราคาที่โปร่งใสหรือไม่ และเงื่อนไขทีโออาร์กำหนดให้เอกชนต้องจัดหารถให้บริการครบทั้ง 6 พันคันในแต่ละวัน หากไม่เป็นไปตามกำหนด เอกชนผู้ให้เช่าต้องเสียค่าปรับคันละ 1 หมื่นบาท
“ยืนยันว่ายังไม่ทันได้ดำเนินการใดๆ ซึ่งการตรวจสอบนักการเมืองจะต้องดูก่อนว่า มีการกระทำทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ การออกมาพูดก่อนที่จะทำโครงการเหมือนมีเจตนาทำให้ต้องชะลอโครงการ ทั้งที่เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อคนกรุงเทพ ไม่แน่ใจว่าจะมีคนเสียฐานคะแนนเสียงในกรุงเทพหรือไม่ หากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ“นายทรงศักดิ์ กล่าว
รมช.คมนาคม กล่าวว่า เมื่อรถโดยสารทั้ง 6 พันคันเข้ามาในระบบจะส่งผลให้ขสมก.มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 11,244 บาทต่อคันต่อวัน จากปัจจุบันที่มีรายได้ 5,077 บาทต่อวันต่อคัน ส่วนค่าใช้จ่ายจะลดลงเหลือวันละ 9,806 บาท จากเดิม 10,615 บาท หรือมีกำไรเฉลี่ยวันละ 1,438 บาทต่อวันต่อคัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคำนวณจากค่าเช่ารถในอัตรา 5,100 บาทต่อคันต่อวัน
ทั้งนี้ ค่าเช่าดังกล่าวจะรวมถึงค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัย ค่าอู่จอดรถ สถานที่ทำการ ระบบตั๋วอิเลคทรอนิกส์ และระบบระบบตรวจสอบการเดินรถหรือจีพีเอสและจีพีอาร์เอสบนรถโดยสารและป้ายหยุดรถ ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้รับภาระทั้งหมด
ส่วนแผนปรับปรุงกิจการ ขสมก. ยังประกอบไปด้วยการขอความช่วยเหลือให้กับ ขสมก. โดยขอเงินเพื่อใช้ในโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดในวงเงิน 6.2 พันล้านบาท, เงินทุนหมุนเวียน 3.5 พันล้านบาทในปีงบประมาณ 2552 โดยขสมก.จะชำระคืนปีละ 500 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2553-2559, ให้กระทรวงการคลังรับหนี้สิน 6.95 หมื่นล้านบาท, ขออนุมัติขายรถโดยสารเก่าทั้งรถโดยสารธรรมดาและรถปรับอากาศ 3,535 คัน เพื่อนำเงินมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และขอรับการสนับสนุนเงินกู้รายย่อยจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ให้กับพนักงานที่มีหนี้สินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ จำนวน 2 พันล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 2 แสนบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ