โฆษกคลังมั่นใจปีนี้ขาดดุลเงินงบประมาณตามเป้าที่ตั้งไว้ 1.65 แสนล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 16, 2008 15:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

           นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง คาดช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 51(ก.ค.-ต.ค.51) จะเกินดุลเงินงบประมาณ เนื่องจากมีรายได้นำส่งคลังจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เหลื่อมรับจากเดือน พ.ค.51 และการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีแรกของปี 51 ในเดือน ส.ค. ซึ่งทำให้ทั้งปีขาดดุลเงินงบประมาณใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.65 แสนล้านบาท
โดยรายได้นำส่งคลังในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51(ต.ค.50-พ.ค.51) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 876,464 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 66,297 ล้านบาท หรือ 8.2% โดยภาษีที่ยังคงจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,076,884 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 86,520 ล้านบาท หรือ 8.7% แบ่งเป็น รายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 996,969 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 10% คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 60.1% ของวงเงินงบประมาณ(1.66 ล้านล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีอัตราการเบิกจ่าย 57.9% ของวงเงินงบประมาณ(1.566 ล้านล้านบาท) และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 79,915 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.6%
ทั้งนี้ผลจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่รายได้ขยายตัว 8.2% ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 200,420 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 2,177 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 202,597 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าวโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 132,891 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 69,706 ล้านบาท
นายสมชัย กล่าวว่า ในเดือนพ.ค.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสด 6,739 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 202,597 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 17% โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 200,420 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 2,177 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ให้เติบโตในระดับ 5-6%
โดยรัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 115,222 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6,529 ล้านบาท หรือ 6% ซึ่งมาจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ มีอัตราเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว นอกจากนี้การนำส่งรายได้ของส่วนราชการอื่นจากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนก็เพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกัน
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 126,766 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 10,321 ล้านบาท หรือ 7.5% โดยรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้น 19.9% ขณะที่รายจ่ายลงทุนลดลง 71.65 เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
ทั้งนี้ ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือน พ.ค.51 ขาดดุล 11,544 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 4,805 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดขาดดุลจำนวน 6,739 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินด้วยการออกพันธบัตรจำนวน 11,500 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ