ปีเตอร์ สมิท กรรมการผู้จัดการบริษัท Automotive Industry Data ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านยานยนต์ในเมืองวอร์วิค ประเทศอังกฤษ คาดการณ์ว่า บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ อาจขายแบรนด์รถยนต์บางส่วน อีกทั้งลดขนาดการดำเนินงานในสหรัฐ และจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และเพื่อรับมือกับราคาหุ้นจีเอ็มที่ดิ่งลงอย่างหนักถึง 59% ในปีนี้ "การขายแบรนด์รถยนต์บางส่วนถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ภาพรวมของจีเอ็มในขณะนี้เหมือนเรือที่กำลังจะจม ดังนั้นจีเอ็มจำเป็นต้องกำจัดอุปสรรคที่ถ่วงธุรกิจ เพื่อให้กิจการสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้" สมิธกล่าว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานในวันนี้ว่า จีเอ็มกำลังพิจารณาเรื่องการขาย หรือยกเลิกแบรนด์รถยนต์ 8 แบรนด์ ยกเว้น Cadillac และ Chevrolet เพื่อประคับประคองเป้าหมายการทำกำไรให้ได้ภายในปี 2553 ขณะที่นายโทนี่ คาร์โวน โฆษกจีเอ็มระบุว่า จีเอ็มกำลังทบทวนเฉพาะไลน์การผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ Hummer เท่านั้น นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า ฝ่ายบริหารของจีเอ็มเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเรื่องทางเลือกในการลดจำนวนพนักงานที่มีเงินเดือนประจำลงอีกหลายพันคน และการระดมทุนเพิ่ม ในเดือนหน้านี้ ขณะที่ ไบรอัน จอห์นสัน นักวิเคราะห์จากเลห์แมน บราเธอร์ส คาดว่า จีเอ็มอาจระดมทุนได้ 5-6 พันล้านดอลลาร์จากธนาคารพาณิชย์ และคาดว่าจะระดมทุนได้อีก 6 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนบางแห่ง "จีเอ็มจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม อีกทั้งต้องลดแบรนด์รถยนต์บางส่วน และลดสัดส่วนการผลิต นอกจากนี้ จีเอ็มต้องเร่งนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่ตลาดต้องการออกมาจำหน่าย" จอห์นสันกล่าว ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐของจีเอ็มร่วงลง 16% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ความต้องการรถยนต์ลดน้อยลง โดยเฉพาะรถ Chevrolet รถปิคอัพ GMC และรถยนต์อเนกประสงค์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาหุ้นจีเอ็มดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในนรอบ 54 ปี หลังจาก จอห์น เมอร์ฟี นักวิเคราะห์ของเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นจีเอ็ม โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จีเอ็มจะล้มละลาย หากตลาดรถยนต์ของสหรัฐร่วงลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกล่าวว่า จีเอ็มจำเป็นต้องระดมทุนถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน