คลัง เผยยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้น พ.ค.51 อยู่ที่ 36.10% ของ GDP

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 29, 2008 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน พ.ค.51 มีจำนวน 3,400,158 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.10% ของ GDP ซึ่งลดลงจากเดือน เม.ย.51 จำนวน 1,245 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะ 3,400,158 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ต่างประเทศ 389,971 ล้านบาท หรือ 11.47%, หนี้ในประเทศ 3,010,187 ล้านบาท หรือ 88.53% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,202,148 ล้านบาท หรือ 94.18% และหนี้ระยะสั้น 198,010 ล้านบาท หรือ 5.82% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,180,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,748 ล้านบาท, หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 949,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท, หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 91,496 ล้านบาท ลดลง 945 ล้านบาท, หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 157,268 ล้านบาท ลดลง 3,092 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 20,969 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง
"การลดลงสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเทียบกับเดือนก่อนเกิดจากการลดลงของหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน โดยหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงสุทธิ3,092 ล้านบาท จากการซื้อคืนพันธบัตรกองทุนที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันจำนวน 2,000 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 945 ล้านบาท เกิดจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนดจำนวน 1,000 ล้านบาท" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
สำหรับหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,748 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศจากการออกพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 11,000 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน 500 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ส่วนหนี้ต่างประเทศลดลงจากการชำระคืนตราสารหนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ครบกำหนด วงเงิน 300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,452 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศและต่างประเทศ โดยหนี้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นรายการสำคัญเกิดจากการเคหะแห่งชาติได้ออกพันธบัตรวงเงิน 2,000 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นรายการสำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น 849 ล้านบาท
ขณะที่หนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันลดลงสุทธิ 2,408 ล้านบาท จากการลดลงของหนี้ในประเทศสุทธิ 4,175 ล้านบาท เนื่องจาก บมจ.การบินไทย(THAI) ได้ชำระคืนหุ้นกู้ จำนวน 6,000 ล้านบาท และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ได้กู้เงินระยะสั้น จำนวน 1,985 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นรายการสำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,767 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ