นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนมิ.ย.จะขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากมาตรการคืนเงินภาษีมีผลต่อผู้บริโภคไม่มากนัก รวมทั้งราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และตลาดแรงงานที่ซบเซาลงได้ส่งผลกระทบถึงภาคครัวเรือนด้วย นักวิเคราะห์ 67 คนในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.จะขยับขึ้นเพียง 0.4% หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค. โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) บิล แฮมเพล หัวหน้านักวิเคราะห์จากเครดิต ยูเนียน เนชันแนล แอสโซซิเอชันในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีและคืนเงินภาษี ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคในระยะสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากผู้บริโภคยังคงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 4 ดอลลาร์/แกลลอน ราคาบ้านที่ทรุดตัวลงและอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงดอกเบี้ยที่ 2.00% ในการประชุมวันอังคารที่ 5 ส.ค.นี้ "ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงทรุดตัวลงและแทบจะไม่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการลดหย่อนภาษี เราคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า" แฮมเพลกล่าว ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐเปิดเผยว่ารายได้ของประชาชนภายในประเทศลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนพ.ค.