ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์พุ่งเทียบยูโร, ปอนด์ หลังผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มสูงเกินคาด

ข่าวต่างประเทศ Saturday August 16, 2008 08:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลที่ให้ความหวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ ตรงข้ามกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปที่มืดมน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.4680 ดอลลาร์/ยูโรในการซื้อขายช่วงท้าย จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4885 ดอลลาร์/ยูโร โดยในช่วงเช้า เงินยูโรอ่อนค่าลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 1.4657 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ 1.8510 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนที่จะขยับขึ้นมาในช่วงบ่ายที่ 1.8629 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งก็ยังต่ำกว่าระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.8716
ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นแตะ 110.56 เทียบเงินเยนของญี่ปุ่น จากระดับ 109.54 เยน และเงินดอลลาร์ไต่ระดับขึ้นแตะ 1.0976 สวิสฟรังก์ จาก 1.0883
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ชี้ให้เห็นว่า ผลผลิตภาคอุตสาหรรมในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ โดยการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ช่วยชดเชยผลผลิตที่ทรุดฮวบลงในด้านสาธารณูปโภค
เงินยูโรร่วงลงต่ำกว่า 1.50 ดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือน หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.25 พร้อมกับการออกมายอมรับของนายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางที่ว่า ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 15 ประเทศมีสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลง ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ตีความว่าคำพูดดังกล่าวว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าอีซีบีเตรียมเปลี่ยนนโยบายไปสู่การทยอยลดอัตราดอกเบี้ย
ความกลัวดังกล่าวได้ถูกตอกย้ำเพิ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จากข่าวที่ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรหดตัวลง 0.2% ในไตรมาสสองปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ส่งผลให้เงินยูโรร่วงลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.6038 ดอลลาร์เมื่อเดือนก่อน ขณะที่เงินปอนด์ได้รับปัจจัยลบทำนองเดียวกันที่ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
ขณะเดียวกันในสัปดาห์นี้ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐว่าขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 17 ปี ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับธนาคารกลางยุโรปที่มีแนวโน้มจะตรึงอัตราดอกเบี้ยหรืออาจลดดอกเบี้ยถ้าจำเป็น
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจหนุนค่าเงินให้แข็งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกันการลดดอกเบี้ยมักจะถ่วงให้สกุลเงินอ่อนค่าลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ