น.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เผยว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2/51 มีกำไรสุทธิ 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 3 พันล้านบาทจากไตรมาส 1/51 เป็นผลจากการลดลงของกำไรจากการลงทุน และการกันสำรองเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าครึ่งหลังปี 50 ราว 6.1 พันล้านบาท เนื่องจากภาระกันสำรองในปีนี้ลดลงมาก หลังกันสำรองตามมาตรฐาน IAS 39 ครบแล้วตั้งแต่สิ้นปี 50
สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 ขยายตัว 11% เร่งขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 7.3% เป็นการเร่งตัวของสินเชื่อภาคธุรกิจที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่ง ส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวขึ้นจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเช่าซื้อรถยนต์
ด้านเงินฝากหดตัว 0.3% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ระดมเงินโดยการออกตั๋วแลกบีอีมากขึ้น โดยการระดมเงินผ่านเงินฝากและตั๋วบีอีขยาย 3.6% ชะลอตัวจากไตรมาสแรก เนื่องจากการแข่งขันทางเลือกการลงทุนรูปแบบอื่น
ส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ(เอ็นพีแอล)มียอดคงค้าง 447.5พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรก 17.7 พันล้านบาท และสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาส 3 ทั้ง gross NPL ที่ 6.4% และ net NPL ที่ 3.4% โดยสินเชื่อภาคธุรกิจมีสัดส่วน NPL เหลือ 7.6% สินเชื่ออุปโภคบริโภค เหลือ 3.8% จากการที่ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังดูแลคุณภาพสินเชื่อและมีความคืบหน้าในการลด NPL โดยการรับชำระหนี้และขายหนี้
ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระบบธนาคารพาณิชย์ สูงขึ้นจาก 14.7% เป็น 15.2% เป็นผลจากกำไรและการเพิ่มทุน
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--