พาณิชย์เตรียมเสนอครม.ตั้งกก.ศึกษาพัฒนาธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งไทย

          นายไชยา สะสมทรัพย์  รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(19 ส.ค.) กระทรวงพาณิชย์จะเสนอขอความเห็นชอบในการจัดตั้งคณะกรรมการศึกษาและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งไทย โดยมอบหมายให้กรมการค้าภายในดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ยกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง กำหนดมาตรการส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกและป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมการเอารัดเอาเปรียบ โดยกำหนดให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน
          การยกร่างกฎหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ จะพิจารณาร่างกฎหมายค้าปลีกทั้ง 2 ฉบับ คือ ร่างที่ยกร่างโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และร่างของกระทรวงพาณิชย์ที่นำเสนอและผ่านความเห็นชอบจากครม.รัฐบาลก่อนแล้ว โดยจะศึกษาถึงผลดีและผลเสียในแง่ต่างๆ ทั้งนี้ยอมรับว่าธุรกิจค้าปลีกต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดและเร่งด่วน เพราะได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยว่าได้รับความเดือดร้อนรุนแรงขึ้นหลังห้างค้าปลีกสมัยใหม่เปิดสาขาเข้าไปสู่ระดับอำเภอ และตำบลแล้ว
          "เราต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา เพราะไม่อย่างนั้นอาจถูกห้างค้าปลีกใหญ่ฟ้องร้อง และถูกกล่าวหาได้ว่ารวบรัดออกกฎหมาย โดยเป้าหมายต้องการลดปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ และป้องกันความเสียหายของระบบค้าปลีกของประเทศ ส่วนตัวต้องการให้เห็นความชัดเจนในการดูแลระบบค้าปลีก และมีกฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ส่วนอะไรเพิ่มหรืออะไรต้องปรับปรุงก็จะหารือกับกับทุกฝ่าย" นายไชยา กล่าว 
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยา เตรียมหารือกับที่ประชุม ครม.เพื่อขออำนาจให้กระทรวงพาณิชย์มีสิทธิอนุญาตให้ห้างค้าปลีกขยายสาขาได้ในระหว่างที่กฎหมายค้าปลีกยังไม่มีผลบังคับใช้เพื่อชะลอการขยายสาขา จากปัจจุบันที่ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกขนาดใหญ่จะขออนุญาตขยายสาขาจากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเท่านั้น
          นอกจากนี้ นายไชยา จะเชิญห้างค้าปลีกขนาดใหญ่มาหารือเพื่อสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมระหว่างห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และผู้ผลิตสินค้า(ซัพพลายเออร์) หรือไกด์ไลน์ค้าปลีกอย่างจริงจัง หลังจากที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 49 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการนำไปใช้อย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่มีการร้องเรียนให้สั่งระงับหรือลงโทษห้างค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใช้กลยุทธ์ขายต่ำกว่าทุนมาเป็นตัวดึงดูดลูกค้าเข้าห้าง และบีบให้ผู้ผลิตจัดส่งสินค้าในราคาต่ำกว่าคู่ค้าทั่วไป