(เพิ่มเติม) หอการค้าฯ มองแนวทางทำประชามติทำสถานการณ์ยืดเยื้อ-บั่นทอนเชื่อมั่น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 4, 2008 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          หอการค้าไทย เห็นว่าแนวทางการจัดทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนเพื่อตัดสินอนาคตรัฐบาลนั้น ไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น แต่กลับยิ่งจะทำให้ยืดเยื้อออกไป ซึ่งจะส่งผลบั่นทอนความเชื่อมั่นในสายตาภาคธุรกิจ และนักลงทุน โดยเฉพาะชาวต่างประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องเพิกถอนการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยเร็ว
นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย มองว่า กรณีที่รัฐบาลจะทำประชามติจะไม่เกิดประโยชน์และถือเป็นการสร้างความยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบให้มากขึ้นต่อความเชื่อมั่นของประเทศในสายตาของต่างชาติ
"หอการค้า ยืนยันว่าประเทศชาติถึงขั้นล่มสลายหากปล่อยให้เหตุการยืดเยื้อต่อไป...การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เครดิตของนักลงทุนต่างประเทศสูญเสียความเชื่อมั่นไป หากปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อจะกระทบเศรษฐกิจประเทศอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นหมดความเชื่อถือโดยสิ้นเชิง จึงเสนอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที"นายดุสิต กล่าว
อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลไม่มีการดำเนืนการใด หรือหากเหตุการณ์ยังยืดเยื้อต่อไป ประเทศก็เตรียมตัวล่มสลายได้
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ว่า อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจ การบริโภค การลงทุน การส่งออกของประเทศในระหว่างนี้ หอการค้าไทยกำลังร่วมกับศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยอยู่ระหว่างการประเมินตัวเลขความสูญเสียทางเศรษฐกิจหลังจากที่สถานการณ์การเมืองในประเทศมีความวุ่นวาย โดยคาดว่าจะนำเสนอตัวเลขได้ในวันที่ 11 ก.ย.นี้
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ทำให้ประเทศไทยสูญเสียเครดิตความน่าเชื่อถือไปเรื่อยๆ โดยตั้งแต่แต่เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่รัฐบาลประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศสูญเสียความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ดังนั้น ทางหอการค้าถึงอยากเสนอให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทันที
ในมุมมองภาคเอกชนเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ หากเปรียบเทียการบริหารประเทศกับการบริหารธุรกิจเมื่อบริษัทประสบปัญหาหรือเกิดวิกฤติในการดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารในการแก้ไขปัญหา หรือ แสดงความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงแพื่อให้เกิดผลดีต่อกิจการ แต่ถ้าวิกฤติที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้และปัญหากลับทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้บริหารกิจการควรต้องรับผิดชอบ รวมทั้งพิจารณาตัวเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้เลิอกผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงต่อไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากรัฐบาลพยายามทำให้เหตุการยืดเยื้อต่อไปจะไม่เกิดผลดีต่อประเทศ ซึ่งหอการค้าเสนอให้ผู้บริหารประเทศควรเร่งดำเนินการตัดสินใจในกรณีปัญหาของประเทศอย่างเร่งด่วน
ด้านนาย Nador G. Von Der Luehe ประธานหอการค้าต่างประเทศ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศแสดงความเป็นห่วงกับสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ ระยะสั้นอาจทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติรายเก่าที่ยังทำธุรกิจในประเทศไทยก็ไม่สามารถที่จะขยายธุรกิจได้ เนื่องจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง
"ต้องการให้รัฐบาลทำหน้าที่เป็นผู้นำสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจเกิดความมั่นใจ และเห็นว่าควรที่จะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อทำให้ความเชื่อมั่นฟื้นกลับมาในสายตาของต่างชาติ" นาย Nador กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ