พาณิชย์ตั้งอนุ กก.4 คณะศึกษาทางแก้ปัญหาค้าปลีก-ค้าส่ง รอสรุปใน 2 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 5, 2008 18:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการศึกษากฎหมายค้าปลีกค้าส่ง, คณะอนุกรรมการศึกษาพฤติกรรมการค้าปลีกค้าส่ง,คณะอนุกรรมการศึกษาการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิม(โชห่วยและตลาดสด) และคณะอนุกรรมการศึกษาข้อมูล สถานภาพธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง โดยให้แต่ละคณะสรุปผลภายใน 2 เดือน 
สำหรับการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทั้ง 4 ชุด เพราะต้องการศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาค้าปลีกค้าส่งแบบครบวงจร ตั้งแต่การมีกฎหมายควบคุมดูแล การมีมาตรการให้ความช่วยเหลือโชห่วยให้แข่งขันได้ และจำเป็นต้องมีข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดของค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ และค้าปลีกดั้งเดิมประกอบการพิจารณา รวมถึงอาจมีการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมระหว่างห้างค้าปลีกกับผู้ผลิต(ซัพพลายเออร์) หรือไกด์ไลน์ค้าปลีกให้ทันสมัยมากขึ้น หลังจากที่มีการร้องเรียนว่ายังไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจัง
"การออกกฎหมายก็ยังทำต่อ โดยจะมีการศึกษาข้อมูลกฎหมายของประเทศต่างๆ เปรียบเทียบ และนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย ขณะเดียวกันจะต้องมีการศึกษาพฤติกรรมการค้าปลีกค้าส่งเพื่อให้รู้เท่าทัน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก และยังจำเป็นต้องหาแนวทางและมาตรการในการสนับสนุนให้โชห่วยไทยแข่งขันได้ด้วย" นายยรรยง ระบุ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างยังไม่มีกฎหมายดูแลเฉพาะ กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย ให้บังคับใช้กฎหมายผังเมือง กฎหมายการก่อสร้างอาคารอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อชะลอการขยายสาขาของห้างขนาดใหญ่
ปัจจุบันห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 44 มีจำนวน 1,821 สาขา ปี 48 เพิ่มเป็น 3,718 สาขา และเดือน มิ.ย.51 เพิ่มขึ้นเป็น 6,571 สาขา เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ต่อปี มีทั้งรูปแบบขนาดใหญ่ ขนาดกลางและเล็ก เพื่อแข่งขันกับโชห่วย ตลาดสด และร้านค้าปลีกทั่วไป
โดยผลจากการขยายตัวอย่างมาก ทำให้โชห่วย ตลาดสด ร้านค้าย่อย ไม่สามารถแข่งขันได้ และมีการร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบรวม 50 จังหวัด 101 อำเภอทั่วประเทศ เพราะกลไกตลาดช่วงค้าส่งถูกตัดตอนจากการที่ค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ได้สั่งซื้อสินค้าโดยตรงจากซัพพลายเออร์ ทำให้ยี่ปั๊ว ซาปั๊วลดลง มีแนวโน้มการผูกขาดตลาดโดยผู้ค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ 4-5 ราย และยังมีการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ