นักวิเคราะห์หวั่นแนวโน้มธุรกิจเหล็กแดนมังกรอ่อนแอ ขณะบ.รายใหญ่มีกำไรลดลง

          นักวิเคราะห์ต่างแสดงความวิตกกังวลต่อแนวโน้มการลงทุนในภาคธุรกิจเหล็ก ในยามที่บริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่หลายแห่งกำลังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของอัตรากำไรขั้นต้น การระดมเงินทุนในตลาด และรายได้จากการลงทุนในครึ่งปีแรก 
          วินด์ อินโฟ บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจเหล็กระบุว่า บริษัทเหล็กที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของจีน 31 แห่งมีผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบเป็นรายปีคิดเป็นมูลค่าที่ 3.88 หมื่นล้านหยวน ขณะที่รายได้จากการดำเนินธุรกิจโดยรวม เพิ่มขึ้น 37.6% อยู่ที่ 6.0749 แสนล้านหยวน
          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประมาณ 80% ของบริษัทเหล็ก ซึ่งรวมถึงบริษัทรายใหญ่เช่นเป๋า สตีล, วิสโก และอันสตีลที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการทำกำไรในภาคธุรกิจเหล็กที่อ่อนแอ อันเป็นผลสืบเนื่องจากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น และแม้ว่าราคาราคาเหล็กในช่วงครึ่งปีแรกที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลดีต่อบริษัทเหล็กอยู่บ้าง แต่ราคาสินแร่เหล็กยังคงบดบังตัวเลขในการทำกำไร
          นอกจากนี้ ภาคธุรกิจเหล็กได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน โดย ณ วันที่ 31 ส.ค. 2551 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการนั้น ปริมาณเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดของบริษัทเหล็ก 31 แห่งมียอดรวมอยู่ที่ 5.2071 แสนล้านหยวน ซึ่งลดลง 60% จากระดับ 1.30458 แสนล้านหยวนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้สุทธิจากการลงทุนอยู่ที่ระดับ 896 ล้านหยวน ซึ่งปรับตัวลดลง 24.5% จากระดับ 1.187 พันล้านหยวน
          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ผู้ผลิตเหล็กเริ่มที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง ทั้งๆที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าราคาเหล็กจะพุ่งขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกำไรประจำปีของกลุ่มธุรกิจเหล็กในช่วงที่เหลือของปีนี้