บรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งรัฐบาลสิงคโปร์ (GIC) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะซบเซาในแบบเดียวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นเคยประสบ เนื่องจากตลาดเงินที่ซบเซาได้ส่งผลกระทบเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย โทนี่ แทน รองประธาน GIC กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ ซึ่งจะส่งผลให้หลายประเทศต้องใช้นโยบายกีดกันทางการค้าและประชานิยม "ทั่วโลกกำลังพยายามใช้นโยบายต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจโลกเป็นแบบเดียวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม นโยบายเหล่านั้นอาจต้องใช้เวลาราว 2-3 ปี จึงจะได้ผล" นายแทนกล่าว "ดังนั้นในช่วงนี้ เศรษฐกิจที่ซบเซาในสหรัฐและประเทศพัฒนาแล้วจะยังส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศอื่นทั่วโลกชะลอตัวตามไปด้วย" ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเกิดภาวะฟองสบู่แตกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นทรุดตัวอย่างหนักจนเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องนานถึง 10 ปี ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว สถาบันการเงินทั่วโลกต่างประสบภาวะขาดทุนและต้องตั้งบัญชสำรองหนี้สูญรวมมูลค่ากว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน ตลาดสินเชื่อที่ทรุดตัวก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต้องสูญเสียเงินมูลค่ากว่า 11 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัว ส่งผลให้ในปีนี้มีสถาบันการเงินในสหรัฐกว่า 10 แห่งที่ประสบภาวะล้มละลาย โดยรัฐบาลสหรัฐก็เพิ่งซื้อกิจการของบริษัทแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ในเดือนนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน