พาณิชย์ดันร่างกม.ค้าปลีกฯ เสนอ ครม.สัปดาห์หน้า ลุ้นเข้าสภาฯ ทันพ.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 13, 2008 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 21 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์จะเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติเพื่อผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรตามนโยบายของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ที่ต้องการให้กฎหมายค้าปลีกค้าส่งมีผลบังคับใช้โดยเร็ว 
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นร่างเดิมที่กระทรวงพาณิชย์ยกร่างในสมัยนายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็น รมว.พาณิชย์ และได้ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) วาระ 1 ไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการธิการ สนช.แต่ต้องยุติ เพราะ สนช.หมดอายุการทำงานก่อน
"เหตุที่ต้องเร่งนำร่างกฎหมายเข้า ครม.เพราะเกรงว่าจะนำเสนอไม่ทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะถ้ารอคณะอนุกรรมการศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่มีผมเป็นประธาน และตั้งขึ้นตามนโยบายของนายไชยา ศึกษาจนเสร็จ อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ดังนั้นจึงต้องเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณา เพื่อให้ผ่านมติครม.โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนของกฤษฎีกาแล้ว สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้เลย"นายยรรยง กล่าว
หลังจากที่ร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบจาก ครม. และสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาวาระ 1 ได้แล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการของสภาฯพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่าง ซึ่งในขั้นตอนนี้กระทรวงพาณิชย์จะนำข้อสรุปการปรับปรุงกฎหมายค้าปลีกค้าส่งที่ได้จากคณะอนุกรรมการศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งเสนอไปยังคณะกรรมาธิการฯ เพื่อปรับปรุงให้ร่างกฎหมายเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
"คณะอนุกรรมการคงทำหน้าที่ศึกษากฎหมายควบคู่ไปกับการนำร่างเสนอไปตามขั้นตอนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย เพื่อความรวดเร็ว โดยเป้าหมายของการออกกฎหมายคือ ดูแลธุรกิจค้าปลีกค้าส่งทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรม รายเล็กและใหญ่ทำธุรกิจร่วมกันได้ เพราะขณะนี้การทำธุรกิจของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ไม่ได้กระทบแต่ค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย) อย่างเดียวเท่านั้น แต่กระทบกับตลาดนัด และร้านขายสินค้าเฉพาะอย่างไปด้วย" นายยรรยง กล่าว
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การปรับปรุงกฎหมายใหม่นั้นจะแยกประเภทธุรกิจค้าปลีกค้าส่งให้ชัดเจนขึ้น และกำหนดลงไปในกฎหมาย จากเดิมที่จะออกเป็นประกาศกระทรวงแยกประเภทในภายหลัง เพื่อให้การแข่งขันเกิดขึ้นในระดับเดียวกัน ไม่ใช่ให้ห้างค้าปลีกมาทำธุรกิจแข่งกับห้างค้าส่ง นอกจากนี้ จะกำหนดประเภทของสินค้าที่จะขายในห้างค้าปลีกค้าส่งด้วยว่าจะมีสินค้าใดบ้าง เพราะขณะนี้ห้างค้าปลีกขายสินค้าหลากหลายมากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ