"อภิสิทธิ์"แนะรัฐเร่งยุบสภาผ่าทางตันท่ามกลางวิกฤติการเงินโลกก่อนศก.พัง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 14, 2008 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วิกฤติเชื่อมั่นในรัฐบาลบั่นทอนอนาคตเศรษฐกิจประเทศ แนะเร่งหายุบสภาหาทางออกก่อนที่จะกลายเป็นภาวะกดดันให้ทหารต้องออกมายึดอำนาจรูปแบบรูปแบบหนึ่งทีจะเกิดผลเสียหายมากกว่า มอง 6 มาตรการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลกมีแค่เรื่องตลาดทุนที่ชัดเจน ส่วนเรื่องอื่นยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม

"ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ในการบริหารประเทศหรือเศรษฐกิจได้หรือไม่ เพราะไม่มีความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศให้พ้นวิกฤติตรงนี้ไปได้ แม้ตอนนี้การยุบสภาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้และหากยังดึงดันถึงครึ่งเดือนหลังถึงเดือนหน้าก็คงจะเห็นมวลชนในประเทศเกิดขึ้น โอกาสที่จะเห็นทหารออกมายึดอำนาจรูปแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งก็ต้องย่อมเกิดความเสียหายและก็จะไม่ดีต่อเสถียรภาพของประเทศ " นายอภิสิทธิ์ กล่าวในงานเสวนา" การเตรียมรับมือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยในภาวะวิกฤติ"

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นสถาบันการเงินต่างประเทศย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง หากปีหน้าเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวก็ย่อมส่งผลกระทบกลับมายังตลาดทุนไทย รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)รวมทั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจควรร่วมมือกันกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะทำให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวต่อไปได้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเศรษฐกิจพื้นฐานจะขับเคลื่อนต่อไปในปีหน้าได้หรือไม่

สำหรับ 6 มาตราการที่รัฐบาลประกาศออกมาเพื่อรับมือวิกฤติการเงินสหรัฐนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตราการของตลาดทุนถือว่ามีความชัดเจนมากที่สุด เมื่อเทียบกับมาตราการอื่นๆ ที่ไม่ชัดเจนในรูปธรรม เพียงแต่ออกมาบอกว่าจะเร่งการส่งออกและการท่องเที่ยวแต่ไม่ได้บอกวิธีในการดำเนินการ

ส่วนสภาพคล่องที่บอกในระบบยังดีอยู่และเพียงพอนั้น ยอมรับว่าเพียงพอแต่จะนำมาใช้ในการหมุนเวียนในประเทศอย่างไร ทำได้จริงหรือไม่เพราะรัฐบาลยังสับสน คือ อยากจะลงทุนในโครงการเมกกะโปรเจ็คต์แต่ก็ไม่รู้จะนำแหล่งเงินจากที่ใด ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะทำอย่างไร หรือใครจะยอมปล่อยให้กู้เงินหรือหากกู้ภายในประเทศก็อาจทำให้สภาพคล่องตึงตัว

หลังจากนี้สิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะภาคส่งออกที่เคยพึ่งตลาดสหรัฐและยุโรปเห็นหลัก ภาครัฐจะต้องรีบหาทางออกหรือมีมาตราการช่วยเหลือภาคเอกชนในการหาตลาดใหม่มาทดแทน

นอกจากนั้น ยังควรใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างด้านการเกษตรอย่างจริงจังโดยเฉพาะการแก้ไขในเรื่องน้ำ คุณภาพดิน รวมถึงการมีระบบแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเพราะจะทำให้ภาคเกษตรกรไปได้ เพราะปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลังปรับลดลงตามราคาน้ำมัน อีกทั้งมองว่าการแก้ไขของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้แก้ไขที่ปลายเหตุแต่กลับแด้วยการเข้าไปแทรกแทรงราคา ซึ่งไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาปัญหาสภาพคล่องจะเกิดจากกำลังซื้อ ซึ่งตอนนี้ชะลอตัว และทุกครั้งที่เกิดวิกฤติทางการเงินสภาพคล่องก็จะหายไปจากที่สถาบันไม่มีเงินเพียงพอในการปล่อยกู้ ส่วนแบงก์ที่มีกำลังในการปล่อยกู้ก็ระมัดระมังในการปล่อยกู้มากขึ้นทำให้บริษัทที่ดีและต้องการเงินไม่สามารถระดมเงินทุนได้ ก็จะทำให้ธุรกิจที่ดีกลับเป็นผลเสียเพราะฉะนั้นจะต้องมีการบริหารสภาพคล่องที่ดี

"ต้องยอมรับภายใต้วิกฤติฯที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและทำให้การแก้ไขเศรษฐกิจในภาวะดังกล่าวจะยากถึงแม้ แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะมาจากปัจจัยภายนอก แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมในการรับมือถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และก็มีความเป็นห่วงว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีการเข้าถึงมาตราการในการแก้ไขอย่างแท้จริงภายใต้วิกฤติ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ