คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.3% จากระดับปัจจุบันที่ 0.5% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจจากวิกฤตด้านการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก
การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่คณะกรรมการบีโอเจออกเสียงเสมอกันด้วยคะแนน 4 ต่อ 4 ก่อนที่นายมาซาอากิ ชิราคาว่า ผู้ว่าการบีโอเจ เป็นผู้ตัดสินชี้ขาด โดยการตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี และมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50 % สู่ระดับ 1% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บีโอเจยังได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย Lombard สู่ระดับ 0.50% จากระดับ 0.75%
นอกจากนี้ บีโอเจจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารพาณิชย์ที่สำรองเงินสดไว้กับบีโอเจ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินทางอ้อม และจะดำเนินการไปจนถึงช่วงกันสำรองในเดือนมี.ค.ปีหน้า
การลดดอกเบี้ยของบีโอเจมีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางในเอเชียปรับลดดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้ โดยธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ลงอย่างละ 0.27% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สามในรอบสองเดือน ด้านธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนลง 0.50% สู่ระดับ 1.50% และธนาคารกลางไต้หวันประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% สู่ระดับ 3.00% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน
กระแสคาดการณ์ที่ว่าบีโอเจจะลดอัตราดอกแบ้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเริ่มขึ้นเมื่อหนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า บีโอเจกำลังพิจารณาเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากระดับปัจจุบันที่ 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้
อลัน รัสกิน นักวิเคราะห์จากบริษัท RBS กล่าวว่า "ที่ผ่านมานั้น บีโอเจถูกกดันให้ลดดอกเบี้ยเพื่อสกัดนักเก็งกำไรให้หยุดซื้อเงินเยน หลังจากเงินเยนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีในสัปดาห์นี้ การลดดอกเบี้ยเป็นทางออกที่ดีที่จะสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งการลดดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.พ.ศ.2544"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระแสคาดการณ์ที่ว่าบีโอเจจะลดอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้น โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่ง 189.73 จุด หรือ 2.11% แตะที่ 9,180.69 จุด