นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ต.ค.51) มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 1,080 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.24% ที่มี 1,036 โครงการ ส่วนมูลค่าเงินลงทุนช่วง 10 เดือนปีนี้ มีมูลค่า 376,900 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% ซึ่งมีมูลค่า 477,900 ล้านบาท
"การที่มูลค่าการขอรับส่งเสริมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีโครงการด้านสาธารณูปโภคและปิโตรเคมีเป็นมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท" นายโอฬาร กล่าว
สำหรับกิจการที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงสุดคือ กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าการลงทุนรวม 139,900 ล้านบาท โดยมีโครงการลงทุนที่สำคัญ เช่น กิจการโรงแรม, โรงไฟฟ้า, กิจการขนส่งทางอากาศ เป็นต้น รองลงมาคือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนรวม 69,300 ล้านบาท มีโครงการสำคัญ คือการผลิตแผ่นเวเฟอร์ สำหรับเซลล์แสงอาทิตย์, โครงการผลิตหลอด LED เป็นต้น และกลุ่มอุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าการลงทุนรวม 56,200 ล้านบาท มีโครงการสำคัญ คือ การผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์, โครงการผลิตเกียร์รถขับเคลื่อน 4 ล้อ, โครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และ Mould & Die ที่มีกว่า 20 โครงการ เป็นต้น