นักวิเคราะห์จากธนาคารยุโรปชื่อดังอย่างดอยช์แบงก์ เอจี, ยูบีเอส เอจี และบาร์เคลย์ส พีแอลซี ต่างคาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะไม่สามารถป้องกันการแข็งค่าของเงินเยนที่กำลังพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีได้อย่างแน่นอน
โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเงินเยนจะฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่ปี 2542 เนื่องจากนักลงทุนชะลอการทำธุรกรรม carry trade ด้วยการกู้ยืมเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า โดยมองว่า เงินเยนจะทะยานขึ้นสู่ระดับ 90 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 97.71 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดโตเกียววันนี้ แม้ว่าบีโอเจประกาศจะยื่นมือเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยสกัดการแข็งค่าสูงสุดของเงินเยนที่เกิดขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่ปี 2541 แล้วก็ตาม
ในปีนี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้น 14% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและทะยานขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้กระตุ้นให้นายโชอิจิ นากางาว่า รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นออกมาประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลอาจดำเนินการซื้อหรือขายสกุลเงินที่มีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีในยามที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังทรุดตัวลง หลังจากที่รัฐบาลได้ขายสกุลเงินต่างๆไปเป็นมูลค่า 14.8 ล้านล้านเยนเมื่อช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 ซึ่งในช่วงนั้นเงินเยนเคลื่อนไหวที่ระดับ 103.42 เยนต่อดอลลาร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นหดตัวลง 3% ต่อปีในไตรมาสที่สอง ขณะที่การส่งออกร่วงลง 2.5%