กลุ่มผู้ผลิตรายเล็กของจีนมีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนสภาพคล่อง แม้ว่ารัฐบาลได้สั่งให้ธนาคารต่างๆ เพิ่มเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลได้ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าธนาคารเหล่านั้นมีโครงการที่จะปล่อยกู้ให้กับโครงการสาธารณูปโภคต่างๆตามที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ได้ระบุไว้ให้เป็นภารกิจหลักของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจากมองว่าการปล่อยกู้ให้แก่โครงการเหล่านี้มีความปลอดภัยมากกว่าการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มผู้ผลิตทั่วไป
โดยในปีนี้ กลุ่มผู้ส่งออกของเล่นจีนถึงครึ่งหนึ่งได้ปิดกิจการไปแล้ว และบริษัทขนาดเล็ก 67,000 แห่งเองก็ยื่นขอล้มละลายในช่วงครึ่งปีแรก
บลูมเบิร์กรายงานว่า หวัง เถา นักเศรษฐศาสตร์ของยูบีเอส เอจี กล่าวว่า ธุรกิจขนาดเล็กจะยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาใช้มาตรการผลักดัน แต่ธนาคารต่างๆก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับโครงการสาธารณูปโภคที่จัดได้ว่าปลอดความเสี่ยง
แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะได้มีการจัดสรรเงินให้กับการก่อสร้างทางรถไฟ ถนนหนทาง โรงงานไฟฟ้า รวมทั้งการเพิ่มการปล่อยกู้ให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 60% และการจ้างงานในเมือง 75% ธนาคารซึ่งมุ่งเน้นเรื่องผลตอบแทนให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นนั้น อาจจะให้ความสำคัญกับโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนมากกว่า ซึ่งการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้จะทำให้ผลพวงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเบาบางลง
ลู เจิ้งเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอินดัสเทรียล แบงค์ กล่าวว่า การลังเลที่จะปล่อยกู้ให้ธุรกิจขนาดเล็กจะกลายเป็นปัจจัยที่บั่นทอนประสิทธิภาพของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล