นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอยที่ถลำลึกลงอีก จากแนวโน้มของอัตราการใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนต.ค.ที่คาดว่าจะร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2544
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 1% ต่อเนื่องจากที่ขยับตัวลง 0.3% ในเดือนก.ย. ขณะที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆอาจระบุถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมถึงยอดขายบ้านใหม่และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงเช่นกัน
อัตราการใช้จ่ายที่ร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 30 ปีมีแนวโน้มว่าจะยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาบ้านยังปรับตัวลดลงและอัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวโน้มยอดขายตามร้านค้าปลีกหลายแห่งในเทศกาลวันหยุด ขณะเดียวกัน ภาวะอุปสงค์ที่ปรับตัวลดลงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กระทรวงการคลัง และนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐกำหนดแผนการคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ
"ผู้บริโภคมีแนวโน้มว่าจะยังคงปรับลดการใช้จ่าย ขณะที่ช่วงเวลาแห่งการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลวันหยุดค่อนข้างเงียบเหงา" มิเชล เมเยอร์ นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส แคปิตอล อิงค์ในนิวยอร์กกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในเวลา 08.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลง 0.4 - 2% ขณะที่คาดว่า รายได้อาจขยับขึ้น 0.1% ซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงจะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งคาดว่าจะลดลง 3% ในเดือนต.ค. ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าซึ่งไม่นับรวมอุปกรณ์การขนส่งอาจร่วงลง 1.6% ซึ่งทำสถิติลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน