ศาลสหรัฐสั่งอายัดทรัพย์"เบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์"อดีตปธ.ตลาด Nasdaq หลังถูกจับข้อหาฉ้อโกง

ข่าวต่างประเทศ Saturday December 13, 2008 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้พิพากษาศาลกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินทั้งหมดของนายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดหุ้น Nasdaq ที่ถูกจับกุมตัวในข้อหาจัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของ แชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับแต่งตั้งให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เป็นผู้ดำเนินการทรัพย์สินทั้งหมดของมาดอฟฟ์

คดีฉ้อโกงของมาดอฟฟ์ถือเป็นหนึงในคดีการฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ หลังจากที่ได้เกิดคดีใหญ่สะเทือนวงการธุรกิจโลกอย่าง "คดีเอ็นรอน" ในปีพ.ศ.2544 ซึ่งครอบคลุมสินทรัพย์ทั้งหมด 6.34 หมื่นล้านดอลลาร์ และส่งผลให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับความสามารถในการทำงานของ SEC

ทนายความของมาดอฟฟ์เปิดเผยว่า มาดอฟฟ์ได้สารภาพกับบุตรชายทั้งสองของเขาว่า ธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ที่ตั้งขึ้นในนามของเขานั้นเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าเป็นวงเงินสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่อมาบุตรชายของมาดอฟฟ์ได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งต่อสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) จึงนำไปสู่การจับกุมตัวมาดอฟฟ์ในช่วงเช้าวานนี้ พร้อมกับยืนยันว่า มาร์ค และ แอนดรูว์ บุตรชายทั้งสองของมาดอฟฟ์ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการฉ้อโกงครั้งนี้แต่อย่างใด

มาดอฟฟ์ได้รับการประกันตัวออกมาโดยใช้สินทรัพย์มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง มาดอฟฟ์ก็จะถูกจำคุก 20 ปี และถูกเปรียบเทียบปรับ 5 ล้านดอลลาร์

รายงานระบุว่า ณ วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทของมาดอฟฟ์มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการเป็นวงเงินสูงถึง 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยลูกค้าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ส่วนที่เหลือเป็นธนาคารพาณิชย์และนักลงทุนระดับมหาเศรษฐี ทั้งนี้ มาดอฟฟ์ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักการเงินที่มีชื่อเสียงและมีฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยบริษัทของเขามีลูกค้าเดินเข้าออกจำนวนมากเพื่อขอรับคำแนะนำด้านการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ลูกค้าของมาดอฟฟ์ที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายมากที่สุดจากคดีฉ้อโกงครั้งนี้คือบริษัท แฟร์ฟิลด์ กรีนวิช กรุ๊ป ของนายวอลเตอร์ โนเวล ซึ่งทุ่มเงินลงทุนในบริษัทของมาดอฟฟ์สูงถึง 7.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนลูกค้ารายอื่นๆที่คาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือบริษัท คินเกท เมเนจเมนท์ ที่สูญเงินลงทุนไปถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ