สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ร่วง 1.8% หลังการจ้างงานซบเซาบีบผู้บริโภคประหยัดใช้จ่าย

ข่าวต่างประเทศ Saturday December 13, 2008 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.8% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงติดต่อกัน 5 เดือน เนื่องจากตลาดแรงงานที่ซบเซาและภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอย

ปัจจัยที่ฉุดยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ร่วงลงมาจากยอดขายรถยนต์ที่ดิ่งลงอย่างหนัก 2.8% ขณะที่ยอดขายน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการทั่วประเทศทรุดตัวลง14.7%

ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ย.ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้นั้น จะร่วงลง 2% ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากการจ้างงานที่ทรุดตัวลงส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย

บรูซ คัสแมน หัวหน้านักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่ทรุดตัวลงเกือบ 1.3 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.และมูลค่าบ้านที่ร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งทำให้ตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลวันหยุดจะลดลงมากที่สุดในรอบ 40 ปี โดยบริษัทค้าปลีกหลากหลายประเภท ตั้งแต่บริษัท ทอยส์ อาร์ อัส ไปจนถึง เนแมน มาร์คัส กรุ๊ป พากันปรับลดราคาเพื่อเคลียร์สินค้าค้างสต็อก

"ผู้บริโภคสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ถดถอยลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2" คัสแมนกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ