ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75-1.0% สู่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลงอีก 0.75% สู่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ระดับ 1.25% โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยในระดับที่ลึกและรุนแรง
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุม ซึ่งใจความบางตอนระบุว่า "เฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เอาไว้ นอกจากนี้ คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีเล็งเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้จะช่วยปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ถดถอยในระดับที่ลึกและรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่"
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า "ตลาดแรงงานภายในประเทศถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคเอกชน ตลอดจนผลผลิตด้านอุตสาหกรรมก็หดตัวลงด้วย ส่วนในตลาดการเงินยังเผชิญปัญหาสินเชื่อตึงตัวเนื่องจากผู้บริโภคและภาคเอกชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมแล้ว เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง จึงมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยรุนแรง"
"แรงกดดันด้านเงินเฟ้อภายในประเทศได้ปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆปรับตัวลดลงมาก นอกจากนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศก็ชะลอตัวลงด้วย เฟดจึงคาดว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงอีกใน 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้""เฟดยังคงยืนหยัดในนโยบายสนับสนุนกลไกตลาดการเงินให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน โดยผ่านการแทรกแซงตลาดอย่างเหมาะสม รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน และการให้ความช่วยเหลือภาคส่วนต่างๆที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์" คณะกรรมการเฟดระบุในแถลงการณ์ สำนักข่าวเอพีรายงาน