คริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่นายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดนาสแดค ที่จัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของแชร์ลูกโซ่อย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับเรียกร้องให้มีการตรวจสอบระบบการทำงานภายในองค์กร SEC
นายค็อกซ์กล่าวว่า ความบกพร่องของ SEC ในเรื่องการตรวจสอบกองทุนของนายมาดอฟฟ์ได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ SEC อย่างมาก และทำให้ความน่าเชื่อถือของ SEC ถดถอยลงอย่างหนักเหมือนเมื่อครั้งที่เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นในปีพ.ศ.2543 พร้อมกับเรียกร้องให้คณะอัยการของสหรัฐเข้าตรวจสอบการดำเนินงานของ SEC ได้อย่างเต็มรูปแบบและในทันที
นอกจากนี้ นายค็อกซ์ยังแสดงความเสียใจต่อความล้มเหลวของ SEC ที่ไม่ได้ตรวจสอบกองทุนของนายมาดอฟฟ์อย่างถ้วนถี่ จนทำให้เกิดการสูญเสียสินทรัพย์ของสถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก พร้อมกล่าวว่าคณะกรรมการ SEC ที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนายมาดอฟฟ์จะไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปมีส่วนในการตรวจสอบมาดอฟฟ์และบริษัทของเขา
มาดอฟฟ์ วัย 70 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาจัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของ แชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าที่เข้าลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นวงเงินถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสถาบันการเงินและบริษัทรายใหญ่ที่ได้รับความเสียหายครั้งนี้ รวมถึง ธนาคาร HSBC, ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ และโนมูระ โฮลดิ้งส์
ศาสตราจารย์เจมส์ ค็อกซ์ จากภาควิชากฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ค ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนอร์ธแคโรไลนา กล่าวว่า "การที่ประธาน SEC ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย และไม่เคยมีครั้งใดที่คณะกรรมการ SEC จะถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักในเรื่องความไม่โปร่งใสด้านการตรวจสอบเหมือนในครั้งนี้" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน