ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันนี้ โดยการนำของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ หลังสหรัฐเผยตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงจนหลายฝ่ายวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนักกว่าเดิม
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ร่วงลง 524,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตัวเลขว่างงานโดยรวมตลอดปี 2551 มีอยู่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
หุ้นวู้ดไซด์ ปิโตรเลียม ลดลง 2% หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4, หุ้นริโอ ทินโต ร่วง 5.5% หลังถูกดอยช์ แบงค์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนจาก “buy" เป็น “hold", หุ้นฮุนได มอเตอร์ ลดลง 1.1% หลังจากที่ทางบริษัทมีแผนลดกำลังการผลิตในประเทศ
"เศรษฐกิจโลกยังถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง" ร็อบ แพทเทอร์สัน จากบริษัท อาร์โก อินเวสเมนท์ กล่าว "หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว สหรัฐก็จะนำเข้าสินค้าจากประเทศในเอเชียน้อยลง ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีต่อประเทศใดเลย"สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 9.06 น.ตามเวลาฮ่องกง ดัชนี MSCI AC Asia Pacific ไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น ลดลง 1.2% แตะ 244.42 จุด หลังจากที่ปรับตัวลดลง 3.2% เมื่อ 2 วันทำการที่ผ่านมา โดยในปีที่แล้วดัชนีดังกล่าวปรับตัวลดลงรวม 53% ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดในประวัติศาสตร์ 20 ปีของดัชนีดังกล่าว
ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ปรับตัวลดลง 1.7% ในขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ ลดลง 1.2% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันหยุด
ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ดัชนี Standard & Poor’s 500 ร่วง 2.1% ซึ่งถือว่าเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ในขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าตัวเลขว่างงานพุ่งแตะ 7.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เมื่อปีที่แล้วในสหรัฐมีคนตกงานกว่า 2.589 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนผู้ตกงานในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น