เงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้านี้ (26 ม.ค.) โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งภาวะดังกล่าวได้หนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง เช่น สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นกันอย่างคึกคัก
นอกจากนี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ก่อนหน้าที่สหรัฐจะรายงานยอดขายบ้านที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2525
ด้านเงินยูโรอ่อนค่าลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเยอรมนีจะซบเซา และธนาคารทั่วประเทศจะรายงานตัวเลขขาดทุนมากขึ้น ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปีหลังนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09.31 น. ตามเวลาโตเกียว เงินเยนแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 88.54 ดอลลาร์/เยน จากระดับ 88.75 ดอลลาร์/เยน และพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 114.18 ยูโร/เยน จากระดับ 115.12 ยูโร/เยน ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.2894 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2975 ดอลลาร์/ยูโร ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเงินเยนอาจแข็งค่าไปแตะที่ 87.80 ดอลลาร์/เยน และเคลื่อนไหวในระดับ 113.50 ต่อยูโร
มาซาโนบุ อิชิกาว่า นักวิเคราะห์จาก Tokyo Forex & Ueda Harlow Ltd. กล่าวว่า "เงินเยนของญี่ปุ่นได้รับปัจจัยหนุนที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อกันอย่างคึกคัก ข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้ายอาจส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรา ขณะที่นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับระบบการเงิน นอกจากนี้ เศรษฐกิจยุโรปยังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากซึ่งเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเงินยูโร"
ด้านเดวิด แบลนช์ฟลาวเวอร์ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของ BOE มองว่า อัตราดอกเบี้ยควรอยู่ที่ระดับ 0.25% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.50% จากปัจจุบันที่ 1.5% ในการประชุมวันที่ 5 ก.พ.นี้