ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือนธ.ค.มีแนวโน้มลดลงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 5 เดือน ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ส่อเค้าดิ่งลงหนักสุดในรอบ 26 ปี ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐที่ยืดเยื้อยาวนาน
โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนธ.ค.ร่วงลง 2% หลังจากที่ทรุดตัวลง 1.5% ในเดือนพ.ย.ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่อาจลดลง 2.5% ไปอยู่ที่ 397,000 ยูนิตซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2525 เมื่อเทียบกับระดับ 407,000 ยูนิตในเดือนพ.ย.
บริษัทหลายแห่งนับตั้งแต่เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป ไปจนถึงแคเทอร์พิลลาร์ อิงค์ต่างปรับลดกำลังการผลิตเนื่องจากขาดแคลนเงินกู้ นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดการจ้างงานซึ่งส่งให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ขณะที่เศรษฐกิจโลกเลวร้ายได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการจากต่างประเทศ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยวานนี้ว่า ทางการพร้อมที่จะทุ่มเทความพยายามในการคลี่คลายตลาดสินเชื่อมากขึ้น นอกเหนือไปจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้เสนอมาจนผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฏรเมื่อคืนนี้
"บริษัทหลายแห่งต้องปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตอุปสงค์ตกต่ำด้วยการลดกำลังการผลิตลงอย่างหนัก" เควิน โลแกน นักวิเคราะห์จาก Dresdner Kleinwort ในนิวยอร์กกล่าว "สถานการณ์ต่างๆจะเลวร้ายลงอย่างหนักในช่วงครึ่งแรกของปีนี้"ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเวลา 8.30 น. พร้อมทั้งเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ในเวลา 10:00 น.วันนี้ตามเวลาในเวลากรุงวอชิงตัน (คืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย)