ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวลดลง 3.1% ต่อปี ทำสถิติลดลงต่อเนื่อง 3 เดือนซ้อน ซึ่งหากเทียบเป็นมูลค่าสกุลเงินดอลลาร์แล้ว สินเชื่อผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงราว 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ตัวเลขสินเชื่อโดยรวมในช่วงเวลาดังกล่าวลดลงเหลือ 2.56 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานของเฟดระบุว่า ผู้บริโภคกู้ยืมเงินประเภทหมุนเวียนในเดือนธ.ค.ซึ่งรวมถึงหนี้จากบัตรเครดิตลดลง 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งทำสถิติลดลงต่อเนื่องจากระดับ 8.5% ในเดือนก่อนหน้านี้ ส่วนความต้องการขอสินเชื่อเพื่อการซื้อรถ การพักผ่อน การศึกษา และอื่นๆขยับลง 0.2% เมื่อเทียบกับที่ลดลงอย่างหนัก 3.1% ในเดือนพ.ย.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคถือเป็นตัวสะท้อนภาพรวมการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐและเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจรอบด้าน อาทิ ตลาดแรงงานที่ซบเซา ราคาบ้านที่ลดลง และวิกฤตสินเชื่อที่เลวร้ายได้ทำให้ชาวอเมริกันปรับลดการใช้จ่ายลง 3.5% ในไตรมาสสี่ของปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขการใช้จ่ายที่ทำสถิติลดลงติดต่อกันนาน 2 ไตรมาส
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า ตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่เลวร้ายจากการปลดพนักงานมากเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานประจำเดือนม.ค. ดิ่งลง 598,000 ตำแหน่ง และรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 524,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.6% เมื่อเทียบกับระดับ 7.2% ในเดือนธ.ค. และยังทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2535