นายกัญจนพันธุ์ พันธ์สุวรรณ รักษาการกรรมการผู้จัดการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) คาดว่า ในปี 52 จะมีรายรับจากการจัดเก็บหนี้จากลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 14,500 ล้านบาท ด้วยการมุ่งเน้นการกำกับดูแลติดตามลูกหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือให้ลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามแผนฯ ได้
นอกจากนี้จะเพิ่มความเข้มงวดในการใช้อำนาจทางกฎหมาย เพื่อส่งสัญญาณในกรณีที่ลูกหนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามแผนฯ และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย(NPA)จำนวน 9,400 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์วิเคราะห์โอกาสทางการตลาด และศักยภาพของทรัพย์ชิ้นใหญ่ เพื่อกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา กลยุทธ์การตลาด และการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เหมาะสมกับทรัพย์แต่ละประเภท เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่ง บสท.จะนำเงินดังกล่าวบางส่วนไปไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นจำนวน 21,000 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินการตั้งแต่เริ่มจนถึงสิ้นปี 2551 บสท.สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอนมาจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 15,215 ราย มูลค่าทางบัญชี 775,216 ล้านบาท จนมีข้อยุติแล้วทั้งหมด 100% โดยเป็นการยุติด้วยการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 6,754 ราย มูลค่าทางบัญชี 414,202 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.43% ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอนทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บสท.ได้ช่วยเหลือลูกหนี้ให้มีโอกาสดำเนินธุรกิจต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้ง บสท. ส่วนที่เหลือจำนวน 8,461 ราย มูลค่าทางบัญชี 361,014 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.57% ยุติด้วยการบังคับหลักประกัน
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2551 บสท.สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอนมาจากสถาบันการเงิน จนมีข้อยุติแล้วทั้งหมด 100% โดย บสท.ได้รับชำระเป็นเงินสดตามแผนปรับโครงสร้างหนี้รวม 17,375 ล้านบาท รายรับข้างต้นส่วนใหญ่มาจากการชำระหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้
อย่างไรก็ดี บสท.ได้มีการติดตามดูแลลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้เกิดปัญหาลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ โดย ณ สิ้นปี 2551 บสท.มีลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระเกินกว่า 90 วัน เพียง 1.69% ของแผนการชำระหนี้ที่เป็นเงินสดตามสัญญาที่ได้รับอนุมัติ
ในปี 2551 บสท.สามารถบริหารจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ได้จำนวน 9,151 ล้านบาท เมื่อรวมกับการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันโดย บสท.จำนวน 432 ล้านบาท และการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันโดยกรมบังคับคดีจำนวน 965 ล้านบาท ทำให้ บสท.มียอดการบริหารและจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายรวมจำนวน 10,548 ล้านบาท
นอกจากนี้ บสท.ยังได้ให้ความสำคัญกับการช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศและลดภาระการค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ บสท.ออกให้สถาบันผู้โอนในปี 2551 ได้ไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของดอกเบี้ยจำนวน 24,256 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 2,103 ล้านบาท คงเหลือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนอีกจำนวน 109,189 ล้านบาท จากตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกทั้งหมดจำนวน 248,760 ล้านบาท