ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบยูโร หลังสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านแผนฟื้นศก.

ข่าวต่างประเทศ Saturday February 14, 2009 07:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) หลังจาก สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 7.87 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับและปอนด์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องภาคอสังหาริมทรัพย์

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ 91.930 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 90.870 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1608 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1633 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2860 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2861 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4382 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4260 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5230 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5224 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะระดับ 0.6574 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6527 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 246 ต่อ 183 เสียง โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายและลดหย่อนภาษีเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัว

ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐเริ่มลงมติตั้งแต่เวลา 05.30 น.ตามเวลาไทยวันนี้ และหากสภาลงมติเห็นชอบต่อแผนฉบับนี้ ก็จะมีการยื่นต่อประธานาธิบดีบารัค โอบามาเพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยโอบามาแสดงเจตนารมณ์ก่อนหน้านี้ว่าต้องการลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายให้ทันในวันที่ 16 ก.พ.นี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติของนิวซีแลนด์รายงานว่า ยอดค้าปลีกของนิวซีแลนด์ปรับตัวลดลงเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่าถดถอยยาวนานสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ยอดขายบ้านเดือนม.ค.ก็ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจประเทศกำลังถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศในไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 2.1% นับเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2533 และยังเป็นการหดตัวลงต่อเนื่องกัน 3 ไตรมาส ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายปี เศรษฐกิจหดตัวลง 1.6% เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้บริษัทลดการลงทุน และการส่งออกก็หดตัวลงเช่นกัน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ