เศรษฐกิจอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจขยายตัวช้าสุดในรอบกว่า 2 ปีในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังภาคการส่งออกซบเซาหนัก
โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 15 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของอินโดนีเซียอาจขยายตัวราว 5.7% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หลังจากที่ขยายตัวกว่า 6.1% ในไตรมาส 3 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ณ เวลา 13.30 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น
ภาคการส่งออกของอินโดนีเซียร่วงหนักกว่า 20% ในเดือนธ.ค. หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกฉุดยอดขายยางพารา น้ำมัน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็คาดการณ์ว่าภาคการส่งออกจะชะลอตัวลงแตะ 1% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวกดดันให้ทางธนาคารกลางต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค
"ความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะช่วยให้ทางธนาคารตัดสินใจได้ว่าจะต้องลดดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหนและเร่งด่วนเพียงไร" เฮลมี อาร์มัน นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท พีที แบงค์ ดานามอน อินโดนีเซีย กล่าว "ในขณะเดียวกัน ภาคการลงทุนก็มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลงหลังความต้องการซีเมนต์ลดลงอย่างมากในไตรมาสดังกล่าว ในขณะที่ยอดขายยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ก็ลดลงอย่างหนักเช่นกัน"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินรูเปียห์อ่อนค่าลงกว่า 6% ในปีนี้ ส่งผลให้กลายเป็นสกุลเงินที่ย่ำแย่สุดรองจากเงินวอนเกาหลีใต้ในกลุ่ม 10 สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากสุดในเอเชียนอกเหนือจากญี่ปุ่น
หลิม ซู เซียน นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิงส์ ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียอาจลดดอกเบี้ยเหลือ 7.25% จาก 8.25% ภายในสิ้นปีเพื่อกระตุ้นการบริโภค