ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ อาจมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันลงอีกไม่น้อยกว่า 0.50% คือจาก 2.00% ลงมาอยู่ที่ 1.50% หรือต่ำกว่านั้น ถึงแม้ที่ผ่านมา กนง.ได้มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้วรวม 1.75% เพื่อส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม ท่ามกลางความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนและมีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังไม่ใช่ประเด็นปัญหาที่น่ากังวลในปีนี้
"กนง.อาจมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกไม่น้อยกว่า 0.50% มาที่ 1.50% หรือต่ำกว่านั้นในการประชุมวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
นอกเหนือจากประเด็นเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศแล้ว ประสิทธิผลของนโยบายการคลังยังคงต้องรอการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีที่คงเร่งตัวขึ้นในระยะข้างหน้าและการเบิกจ่ายงบกลางปีที่จะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน เม.ย.52
กนง.อาจยังมีแนวโน้มจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมอีกในระยะข้างหน้า ควบคู่ไปกับการติดตามดูแลประเด็นสภาพคล่องในระบบการเงินให้มีอยู่อย่างเพียงพอสำหรับภาคธุรกิจเอกชน โดยเฉพาะเมื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักของโลกอาจมีแนวโน้มเลื่อนออกไปเกิดขึ้นในปี 53 จากเดิมที่ส่วนใหญ่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แม้ว่าทางการของประเทศต่างๆ ได้มีการออกมาตรการเยียวยาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า คงจะเกิดขึ้นตามหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากทางการ แต่ขนาดและจังหวะเวลาของการปรับลดอาจขึ้นอยู่กับกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงินของทางการไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และการประเมินทิศทางการดำเนินธุรกิจหลักของแต่ละสถาบันการเงินด้วย