นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า การประชุม รมว.คลังอาเซียน+3 วาระพิเศษ ในวันพรุ่งนี้ ตนเองจะมีการหารือระดับทวิภาคี กับประเทศจีน เพื่อเจรจาให้จีนเข้าร่วมลงทุนในระบบขนส่งของไทย เพราะเห็นว่าโครงการลงทุนของไทยหลายโครงการ ทางจีนเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความพร้อมด้านเงินทุน จึงจะได้หารือร่วมกันในเบื้องต้น เช่นการลงทุนในระบบราง และโครงการอื่นๆ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนจีนในเร็ว ๆนี้
"ขณะนี้ จีนถือเป็นความหวังของทุกประเทศทั่วโลก เพื่อมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก...เวทีนี้จะมีการหารือระดับทวิภาคี หลังจากที่เรามีการเปิด FTA และมีการค้าขายระหว่างกันมากขึ้นแล้ว ก็จะมีการหารือในหลายเรื่อง โดยเฉพาะโครงการลงทุนภาครัฐของไทย เป็นการเตรียมพร้อม2ประเทศ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีของเรา จะไปเยือนจีนเร็วๆ นี้" นายกรณ์ กล่าว
นายกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่ รมว.คลัง ของประเทศญี่ปุ่นไม่ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย เนื่องจาก การประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อวาระการประชุมในครั้งนี้ และไม่มีผลต่อการเจรจาระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เพื่อสานต่อการขอสนับสนุนเงินกู้เพื่อลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คส์ ที่ตนเองในฐานะกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้มีการเจรจาในเรื่องนี้ต่อ เพราะ ก่อนหน้านี้ที่นายกรัฐมนตรีได้มีการเจราจากับทางรัฐบาลญี่ปุ่น และมีการยืนยันในหลักการ ที่ญี่ปุ่นพร้อมสนับสุนเงินกู้แก่ไทยแล้ว ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงใด ๆอีก
"การที่มีการเปลี่ยนตัว รมว.คลังญี่ปุ่น เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจใด ๆ เพราะจากประสบการณ์ของญี่ปุ่น เชื่อว่า เป็นประเทศที่มีความพร้อมในทุกระดับอยู่แล้ว และไม่คิดว่าจะทำให้การทำงาน หรือการเจรจาของ 2 ประเทศสะดุดลง เพียงแต่ขณะนี้คงต้องรอให้กระบวนการเลือก รมว.คลังคนใหม่ของญี่ปุ่น แล้วเสร็จ" รมว.คลังของไทย กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเอเซีย ทั้งในฐานะผู้ลงทุนขนาดใหญ่ และผู้ค้าขนาดใหญ่ของทุกประเทศในเอเซียน ดังนั้นในการประชุม รมว.คลังอาเซียน+3 วาระพิเศษ ครั้งนี้ อาจจะมีการหารือเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของเอเซีย รวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน