นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังอังกฤษเตรียมแถลงมาตรการขยายวงเงินค้ำประกันพันธบัตรสหรัฐเพื่อรับประกันหนี้เสียมูลค่าหลายแสนล้านปอนด์ในธนาคารโรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ และลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นคืนความเชื่อมั่นของธนาคารพาณิชย์ให้สามารถออกเงินกู้มากขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในความพยายามของขุนคลังอังกฤษและรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ในการหาทางคลี่คลายวิกฤตตลาดสินเชื่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในประเทศ
โดยทางกระทรวงคลังอังกฤษจะดำเนินมาตรการรับประกันเงินกู้หลักทรัพย์และสินทรัพย์เชิงพาณิชย์ของธนาคารควบคู่ไปกับกระตุ้นการออกเงินกู้ให้บริษัทขนาดเล็ก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขุนคลังสหรัฐต้องการเพิ่มวงเงินรับประกันสินทรัพย์มากขึ้นเพื่อฟื้นฟูความมั่นใจให้ธนาคารพาณิชย์เริ่มหันมาออกเงินกู้ได้อีกครั้ง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้ากำลังหาข้อสรุปถึงเม็ดเงินที่ใช้ในการค้ำประกันดังกล่าวซึ่งอาจมีสัดส่วนเกือบถึง 5 แสนล้านปอนด์ (7.10 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
"มาตรการปกป้องสินทรัพย์จะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถขยายการปล่อยเงินกู้ได้มากขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนและภาคธุรกิจโดยรวม" ดาร์ลิ่งระบุทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษถือหุ้น 70% ใน RBS และถือหุ้นลอยด์ส 43% โดยเมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เข้ายึดธนาคารนอร์ทเทิร์น ร็อก และแบรดฟอร์ด แอนด์ บิงลีย์ เป็นสมบัติของชาติโดยมีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในระบบการธนาคาร