คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจธนาคารของจีนมีตัวเลขผลกำไรหลังหักภาษีประจำปี 2551 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.6% แตะระดับ 5.834 แสนล้านหยวน (8.579 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
โดยผลกำไรหลังหักภาษีประจำปี 2551 ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศจีนอยู่ในระดับที่สูงกว่าตัวเลขกำไรหลักหักภาษีที่ 4.467 แสนล้านหยวนในปี 2550 และมากกว่าตัวเลขผลกำไรก่อนหักภาษีในปี 2549 ที่ระดับ 3.379 แสนล้านหยวน
หลิว มิงกัง ประธานของ CBRC กล่าวว่า "ธุรกิจธนาคารของจีนยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในวงจำกัด และความเสี่ยงต่างๆยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้"
ขณะเดียวกัน หลิวกล่าวว่า การซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนในช่วงสิ้นปี 2551 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทำสถิติสูงสุดในโลกและแซงหน้าญี่ปุ่นที่ถือครองเงินต่างประเทศมากที่สุดเป็นอันดับสองที่ 1.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ในเดือนพ.ย.จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐมูลค่า 6.819 แสนล้านดอลลาร์ และซื้อพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มอีก 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในวันนี้ จีนได้เปิดเผยมาตรการคุ้มครองระบบธนาคารพาณิชย์ในประเทศเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตการเงินซึ่งระบุว่า จีนจะดำเนินนโยบายในการดูแลทุนสำรองเงินตราต่างประเทศโดยยึดหลักความปลอดภัย การรักษาสภาพคล่อง และกระตุ้นความสามารถในการทำกำไรให้งอกเงยขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสนง.ไฟแนนเชียล ไทม์ในระหว่างการประชุมเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส เมื่อปลายเดือนม.ค.ว่า ที่ผ่านมาจีนพยายามเสาะหาวิธีการนำทุนสำรองเงินต่างประเทศมาใช้กระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น