มาซาอากิ โมริกาว่า รองผู้อำนวยการสำนักงานการค้า สังกัดกระทรวงการค้าญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสหน้า เนื่องจากสต็อกสินค้าคงคลังของบริษัทหลายแห่งปรับตัวลดลง
"มีความเป็นไปได้สูงว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้นในเดือนเม.ย.-มิ.ย.เนื่องจากดีมาน์ดีดตัวขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินค้าคงคลังปรับตัวลดลงมาจากการที่บริษัทเอกชนมีการบริหารจัดการที่ดีและรอบคอบ ด้วยการไม่เพิ่มสต็อกสินค้ามากจนยากแก่การระบายออก นอกจากนี้ เราคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวราว 10% ซึ่งจะช่วยกระตุ้นผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นด้วย" นายโมริกาว่ากล่าว
กลุ่มผู้ผลิต รวมถึงบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ เปิดเผยว่า สายการผลิตของบริษัทสามารถกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้งหลังจากถูกปรับลดลงเพราะถูกกระทบจากการทรุดตัวของยอดส่งออก
ด้านนายริชาร์ด จาร์รัม นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แมคควอรี คาดการณ์ว่า "ผลผลิตและยอดส่งออกของญี่ปุ่นจะทรุดตัวลงถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสนี้ และจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในไตรมาสหน้าเนื่องจากสต็อกสินค้าคงคลังปรับตัวลดลง ซึ่งหมายความว่าดีมานด์สินค้าอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้น"
ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.ร่วงลง 10% จากเดือนธ.ค.ปี 2551 ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน เนื่องจากยอดส่งออกของญี่ปุ่นทรุดตัวลง 45.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทญี่ปุ่นอาจปลดพนักงานมากขึ้นเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ชี้ว่า ญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะเปราะบางเมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ ภาคเอกชนปรับลดการผลิต 9.8% ในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ 4.4% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน