โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและเด็ดขาดเพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับคืนมา พร้อมทั้งสกัดกั้นมิให้เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินดำดิ่งลงไปมากกว่านี้
โจวกล่าวว่า "หากเราไม่มีนโยบายที่เด็ดขาดและดำเนินการอย่างเชื่องช้า เชื่อได้เลยว่าจีนจะเผชิญปัญหาความเชื่อมั่นเหมือนกับประเทศอื่นๆ" นอกจากนี้ ธนาคารยังมีหลายช่องทางในการกำหนดมาตรการทางการเงินที่เหมาะสมหลังจากที่ยอดการปล่อยเงินกู้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้จีนเริ่มมีสัญญานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจบ้างแล้ว ทั้งจากดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนก.พ.ที่เดินหน้าขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย. และผลผลิตด้านพลังงานและอัตราการบริโภคก็อยู่ในช่วงขาขึ้น เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกและอัตราการปล่อยเงินกู้ที่มีสัญญาณความเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น
จากข้อมูลเศรษฐกิจในแง่บวกช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นของนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนที่ว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้จะสามารถขยายตัวตามเป้าที่ระดับ 8% แม้ว่าการส่งออกที่ลดลงอันเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจะฉุดรั้งอัตราการขยายตัวให้ตกต่ำลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีและทำให้แรงงานอพยพตกงานไป 20 ล้านคนแล้วก็ตาม
นักวิเคราะห์จาก SJS Markets กล่าวว่า "ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาระแวดระวังเรื่องมาตรการต่างๆ แต่เป็นเวลาที่ต้องลงมือดำเนินการ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเลวร้ายลงอย่างรุนแรง"
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Moody’s Economy.Com กล่าวว่า แม้ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจของจีนค่อนข้างดีกว่าประเทศอื่นๆในเอเชียด้วยกัน แต่การที่รัฐบาลตั้งเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 8% ในปีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการมองเศรษฐกิจในแง่บวกมากเกินไป