ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ยอดสินเชื่อบัตรเครดิตคงค้าง เดือนม.ค.มีทั้ง 183,928.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.53% จากที่มียอดคงค้างทั้งสิ้น 175,950.99 ล้านบาท ส่วนปริมาณการใช้จ่ายรวมซึ่งมีทั้งสิ้น 75,310.50 ล้านบาท ลดลง 7,862.76 ล้านบาท คิดเป็น 9.45% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ยังขยายตัว 8.45%
โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทยลดลง 11.10% สาขาธนาคารต่างประเทศลดลง 10.50% และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงินลดลง 5.53% ขณะที่ยอดการใช้จ่ายในประเทศทั้งสิ้น 54,400.90 ล้านบาท ลดลง 6,227.24 ล้านบาท คิดเป็น 10.27% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายทั้งสิ้น 60,628.14 ล้านบาท
ส่วนยอดการใช้จ่ายในต่างประเทศมีทั้งสิ้น 2,556.48 ล้านบาท ลดลง 4.92% และยอดการเบิกเงินสดล่วงหน้า 18,353.12 ล้านบาท ลดลง 7.57% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดทั้งสิ้น 19,856.27 ล้านบาท
ด้านนายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ลดลงสะท้อนถึงการระมัดระวังใช้จ่ายของประชาชนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งการกู้เงินผ่านบัตรเครดิตเป็นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ส่วนใหญ่มักจะแยกไม่ออกถึงความจำเป็นในการใช้จ่าย ว่าเป็นความต้องการแท้จริง หรือสิ่งฟุ่มเฟือย ทำให้เกิดการก่อหนี้ขึ้น
"หากเป็นการกู้เงินเพื่อมาลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่น่าห่วงมากนัก เพราะมีแหล่งรายได้จะมาชดเชยได้ แต่การกู้ผ่านบัตรเครดิตก็เหมือนเกิดหนี้เปล่าขึ้น"
นายเกริก ยังได้เตือนประชาชนให้ระมัดระวังการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพื่อสะท้อนว่าประชาชนได้ปรับตัวและมีวิจารณญาณในการก่อหนี้ โดยเฉพาะช่วงสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ซึ่งควรเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และยากที่จะคาดการณ์