เศรษฐกิจนิวซีแลนด์อาจหดตัวลงมากสุดในรอบเกือบ 18 ปีในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตการเงินกดดันให้ภาคการส่งออกและการลงทุนอยู่ในสภาพซบเซา
โดยโพลล์นักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของนิวซีแลนด์อาจหดตัวลง 1.1% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2534 ส่วนตัวเลขอย่างเป็นทางการจะได้รับการเปิดเผยในเวลา 10.45 น. ของวันที่ 27 มี.ค.ตามเวลาเวลลิงตัน
อลัน บอลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์ กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศกำลังอยู่ในภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 30 ปี และจะไม่มีการขยายตัวจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยจนถึงตอนนี้ทางธนาคารได้ลดดอกเบี้ยจนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะลดลงอีก
"ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง การลงทุนทางธุรกิจก็ลดลง การส่งออกไปยังต่างประเทศก็ลดลง" เบรนดัน โอโดโนแวน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก เวสท์แพค แบงค์กิง คอร์ป ในเวลลิงตัน กล่าว "ที่แย่ไปกว่านั้นคือเศรษฐกิจอาจหดตัวมากกว่าที่ทางธนาคารกลางคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ทางธนาคารต้องลดดอกเบี้ยอีกในที่สุด"เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา นายบอลลาร์ดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจประเทศจะหดตัวลง 0.8% ในไตรมาส 4 และประกาศลดดอกเบี้ยเหลือ 3% พร้อมเผยว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยอีกจนเหลือ 2-2.5% ในอนาคต
นักเศรษฐศาสตร์ 5 จาก 10 ท่านจากการสำรวจสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่านายบอลลาร์ดจะลดดอกเบี้ยเหลือ 2.5% ในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 30 เม.ย. ในขณะที่ 4 ท่านคาดการณ์ว่าจะลดเหลือ 2.75% ส่วนอีก 1 ท่านเชื่อว่าทางธนาคารจะตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน