ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นในเดือนก.พ.ร่วงลงหนักสุดในรอบ 7 ปี และลดลงต่อเนื่องยาวนานถึง 6 เดือน เพราะผู้บริโภคปรับลดการใช้จ่าย ประกอบการอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่บั่นทอนการใช้จ่ายผู้บริโภค
กระทรวงการค้าของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในเดือนก.พ.ทรุดตัวลง 5.8% จากปีก่อนหน้านี้ หลังจากที่ร่วงลง 2.4% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลง 3%
โดยยอดค้าปลีกที่ตกต่ำลงบ่งชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังส่งผลกระทบขยายวงกว้างไปยังภาคครัวเรือน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการใช้จ่ายกว่าครึ่งหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ และแม้ว่าอัตราว่างงานในญี่ปุ่นจะไม่สูงมากเท่ากับในสหรัฐหรือยุโรป แต่ลูกจ้างได้รับค่าแรงที่ถูกลง จนส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่าย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณที่เลวร้ายว่า อาจมีการปรับลดพนักงานมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากบริษัทต่างๆ ยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการประคับประคองธุรกิจให้อยู่ในภาวะเช่นนี้
มาร์ติน ชูส์ นักวิเคราะห์จากฟูจิตสึ รีเสิร์ช ในโตเกียวกล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ไม่ได้เลวร้ายมากนัก แต่ลูกจ้างไม่ได้รับค่าแรงเพิ่มขึ้นอีกทั้งยังไม่ได้เงินค่าล่วงเวลา ขณะที่เงินโบนัสลดลง และประชาชนก็เริ่มประสบปัญหามากขึ้น"
ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างในเดือนม.ค.ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ส่วนรายได้ค่าล่วงเวลาตกลงหนักเป็นประวัติการณ์ 14.8% เนื่องจากบริษัทหลายแห่งปิดสายการผลิตในโรงงาน
ขณะเดียวกัน ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาสที่แล้วขยับลง 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ยอดส่งออกดิ่งลง 13.8% จนฉุดรั้งให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในไตรมาสดังกล่าวดิ่งลงอย่างหนักนับตั้งแต่เกิดวิกฤตพลังงานในปี 2517