กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากพุ่งขึ้น 1% ในเดือนม.ค. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่จากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคยังคงมีมุมมองในด้านลบต่อเศรษฐกิจ
ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลประจำเดือนก.พ.ลดลง 0.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 ครั้งภายในระยะเวลา 5 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ภาคเอกชนเลย์ออฟพนักงานอย่างต่อเนื่อง
สตีเฟ่น กัลลาเฮอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโซซิเอเต เจเนอราลในนิวยอร์กกล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนราว 70% ของเศรษฐกิจนั้นได้สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเห็นผล อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปรับลดพนักงานจำนวนมายังคงสั่นคลอนความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันอยู่ในขณะนี้
"ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวได้แล้ว หลังจากที่ลดการใช้จ่ายลงไปอย่างมากเมื่อช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนเริ่มมีแรงจูงใจในการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นหลังจากที่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายระลอก และขณะนี้น้ำมันเบนซินมีราคาไม่ถึง 2 ดอลลาร์/แกลลอนทำให้ผู้บริโภคมีเงินในการซื้อของมากขึ้น และมาตรการลดหย่อนภาษีเริ่มเห็นผลบ้างเช่นกัน" กัลลาเฮอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ตอบรับการเพิ่มขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ. เพราะมองว่าเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยเกินไป สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน