บริษัท ซิโนเปค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนและเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจกลั่นน้ำมันรายใหญ่ในเอเชีย เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของบริษัทร่วงลง 47%ต่อปี เหลือเพียง 1.33 หมื่นล้านหยวน หรือ 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 5.65 หมื่นล้านหยวน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ผลกำไรของซิโนเปคหดตัวลง
กำไรที่ปรับตัวลดลงเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ซิโนเปคถูกรัฐบาลจีนบีบให้จำหน่ายน้ำมันในราคาต่ำ แม้ในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า กำไรของซิโนเปคจะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ เนื่องจากส่วนต่างของราคาน้ำมันปรับตัวลดลงและราคาน้ำมันยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ซิโนเปคคาดว่า กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้จะพุ่งขึ้นถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็กังวลว่าดีมานด์พลังงานจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
"เราคาดว่าดีมานด์ผลิตภัณฑ์น้ำมันภายในประเทศจะชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาและวงจรธุรกิจพลังงานเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง ธุรกิจพลังงานภายในประเทศกำลังเผชิญความท้าทายมากขึ้น" ซิโนเปคกล่าว
ส่วนบริษัทพลังงานรายอื่นๆก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ปิโตรไชน่าระบุว่า กำไรสุทธิในปี 2551 ร่วงลง 22% สำนักข่าวบีบีซีรายงาน