ผู้นำจากประเทศสมาชิก G20 ประชุมร่วมกันในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพหลังจากที่ทรุดหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
โดยมีรายงานว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.พ. ในขณะที่การลงทุนในชุมชนเมืองของจีนก็ขยายตัวกว่า 26.5% ในช่วง 2 เดือนแรกของปี ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีเดือนมี.ค.ก็พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2550 และดัชนี S&P 500 ก็ทะยานมากสุดในรอบ 7 ปีในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบหลายอย่างที่ต้องระวังอย่างเรื่องแรงงาน โดยธนาคารโลกออกมาเตือนว่าอาจเกิด "วิกฤตว่างงาน" ทั่วโลก ในขณะที่อัตราว่างงานในสหรัฐอาจพุ่งสูงสุดในรอบ 25 ปีในการเปิดเผยรายงานวันพรุ่งนี้
หน้าที่ของกลุ่ม G20 คือ การหนุนให้ปัจจัยบวกเหล่านั้นให้เป็นกุญแจหลักที่ช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้จริง
"หากดูจากสถานการณ์ในอดีต ตลาดหุ้นจะดีดตัวขึ้นก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว" อลาสแตร์ นิวตัน นักวิเคราะห์การเมืองจากบริษัท โนมูระ อินเตอร์เนชั่นแนล และอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษ กล่าว "แต่ในเมื่ออัตราว่างงานยังน่าเป็นห่วง กลุ่มผู้นำ G20 คงต้องถูกกดดันให้พยายามแก้ปัญหาต่อไป"ทั้งนี้ กลุ่ม G20 ซึ่งมีสัดส่วนเศรษฐกิจกว่า 85% ของเศรษฐกิจโลก กำลังประชุมร่วมกันเพื่อหาทางแก้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยทางกลุ่มมีกำหนดจัดการแถลงข่าวในเวลาประมาณ 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน