แนวโน้มตลาดแรงงานของญี่ปุ่นกำลังเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายลง ภายหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ทังกัน) ที่บ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์ตกต่ำ อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีคนตกงานเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ อัตราว่างงานที่สูงขึ้นยังเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่หดตัวลง 12.1% ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยลูกจ้างชั่วคราวจะได้รับผลกระทบมากที่สุดในการถูกเลิกจ้าง ขณะที่กระทรวงแรงงานคาดว่าตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมาจนถึงกลางปีนี้ จะมียอดลูกจ้างชั่วคราวตกงานถึง 192,061 ราย
มาร์ติน ชูลซ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทฟูจิตสึ รีเสิร์ช ในโตเกียวกล่าวว่า "เรากำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตภายในประเทศ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการส่งออก แต่ขณะนี้วิกฤตเลวร้ายเริ่มลุกลามไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่อาจมีการปลดพนักงานกันอีกระลอก"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจรายไตรมาสของแรงงานที่ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 2546 โดยตัวเลขที่ออกมาในเชิงบวกบ่งชี้ถึงสถานการณ์ของคนงานที่มีอยู่มากเกินไป
ทั้งนี้ อัตราว่างงานของญี่ปุ่นไต่ระดับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 4.4% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้น 5.5% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ซึ่งเท่ากับระดับสูงสุดเมื่อเดือนเม.ย.ปี 2546
ขณะเดียวกันผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ผลิตรายใหญ่ลดลงสู่ระดับ -58 จุด ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคบริการรายใหญ่ลดลงมาอยู่ที่ -31 จุด จากระดับ -9 จุด ซึ่งทำสถิติดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ และการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง 0.4% ในช่วงไตรมาส 4 จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่การส่งออกดิ่งลง 13.8%
นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ทรุดตัวลงหนักสุดในรอบ 7 ปี เพราะจากภาวะอุปสงค์ที่ซบเซาได้กระตุ้นให้บรรดาห้างสรรพสินค้าปรับลดราคาอาหาร เสื้อผ้า และของใช้ภายในบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว