คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานบัญชีแห่งสหรัฐ (FASB) มีมติให้ผ่อนคลายมาตรฐานการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของสถาบันการเงินเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับสถาบันการเงินเมื่อต้องมีการประเมินมูลค่าสินทรัพย์และรายงานตัวเลขขาดทุน
ทั้งนี้ คณะกรรมการ FASB อนุมัติให้ผ่อนคลายการใช้กฎบันทึกมูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (mark-to-market) ด้วยการใช้วิธี “significant judgement" ในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ การตัดบัญชีหนี้สูญ การบันทึกด้อยค่าในเงินลงทุนต่างๆ ซึ่งรวมถึงตราสาร CDO และ CDS ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินแต่ละแห่งสามารถใช้วิธีการหามูลค่าเหมาะสมของตนเองเพื่อให้สะท้อนมูลค่าเหมาะสม โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นไป
ข่าวดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น 216.48 จุด หรือ 2.79% ปิดที่ 7,978.08 จุดเมื่อคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์บางคนมองว่าการผ่อนคลายกฎ mark-to-market จะทำให้การตั้งสำรองสภาพคล่องของสถาบันการเงิน และการบันทึกด้อยค่าของสินทรัพย์และเงินลงทุนต่างๆ ผ่อนคลายลงในระยะสั้น โดยทำให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่บางแห่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การผ่อนคลายกฎ mark-to-market ยังช่วยให้สถาบันการเงินสามารถหลีกเลี่ยงการรายงานตัวเลขขาดทุนบางรายการ ด้วยการแยกประเภทบัญชีขาดทุนบางประเภทเนื่องจากปัจจัยหลากหลาย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน ซึ่งบัญชีขาดทุนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องนำมานับรวมอยู่ในตัวเลขรายได้สุทธิหรือขาดทุนสุทธิ
อย่างไรก็ตาม นายโจชัว ชาปิโร นักวิเคราะห์จาก MFR Inc.แสดงความเห็นว่า การตัดสินใจผ่อนปรนกฎ mark-to-market ครั้งนี้จะทำให้ความโปร่งใสของสถาบันการเงินลดน้อยลง และจะทำให้สถาบันการเงินฉวยโอกาสบิดเบือนการตีมูลค่าสินทรัพย์โดยการพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรได้ สำนักข่าวเอพีรายงาน