รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศแผนการลงทุนถึง 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 3.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐกับโครงการก่อสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เชื่อมโยงบ้านเรือนถึง 90% ซึ่งโครงการดังกล่าวจะใช้เวลาดำเนินการถึงกว่า 8 ปี และยังเป็นการสร้างงานในประเทศอีกด้วย
รัฐบาลออสเตรเลียจะถือหุ้นอย่างน้อย 51% ในบริษัทที่จะรับหน้าที่ในการก่อสร้างและบริหารเครือข่ายดังกล่าวที่จะใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 4.7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หากเครือข่ายแล้วเสร็จ ผู้ใช้บริการจะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วกว่าระบบอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เดิมถึง 100 เท่า
บลูมเบิร์กรายงานว่า นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่า โครงการอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ดังกล่าวจะช่วยสร้างงาน 200,000 ตำแหน่ง และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาด้วยเช่นกัน และในขณะนี้ก็เป็นเวลาที่จำเป็นแล้วที่จะเราจะต้องเร่งเข็นโครงการที่สำคัญออกมา เพื่อสร้างงานถึง 25,000 ตำแหน่งทุกๆปีจากระยะเวลาดำเนินการรวมทั้งหมดกว่า 8 ปี
หุ้นเทลสตรา คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานและอินเทอร์เน็ตรายใหญ่สุดของออสเตรเลีย พุ่ง 3.1% แตะ 3.31 ดอลลาร์ออสเตรเลียในตลาดหุ้นออสเตรเลีย เมื่อเวลา 11.48 น.ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่สตีเฟน คอนรอย รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารได้ออกมาเปิดเผยว่า จะมีการเปิดโอกาสให้เทลสตราเข้ามาลงทุนสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เทลสตราถูกตัดสิทธิเข้าร่วมประมูลเหตุจากบริษัทไม่ได้เสนอแผนการสำหรับธุรกิจรายเล็กๆ แต่ต่อมา รัฐบาลได้ปฏิเสธข้อเสนอในการเข้าร่วมประมูลของกลุ่มเทอร์เรียซึ่งมีสิงเทล เอเซีย เน็ทมีเดียเป็นแกนนำไปแล้วในวันนี้
เบน พ็อตเตอร์ นักวิเคราะห์จากไอจี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ตลาดมองว่า เทลสตรามีโอกาสกลับเข้ามาลงทุนโครงการอีกครั้ง และข้อเสนอครั้งนี้ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะได้ร่วมงานกับรัฐบาล
การลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ หลังจากที่ประชาชนในออสเตรเลียสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ประมาณ 17% ซึ่งต่างจากสหรัฐและญี่ปุ่นที่ 19% เกาหลีใต้และสวิตเซอร์แลนด์ที่ 26%