E-House (China) Holdings ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของจีนคาดการณ์ว่าราคาบ้านในจีนจะชะ ลอตัวลงจนถึงปีพ.ศ.2553 เนื่องจากความพยายามของรัฐบาลประกาศในการใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการลดอัตราดอกเบี้ย ไม่สามารถกระตุ้นแรงซื้อในตลาดอสังหาริมรัพย์ได้
นายหลี่ เลี่ยน เฉิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ E-House กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เราคาดว่าราคาบ้านในจีนจะยังไม่ปรับตัวขึ้นจนกว่าจำนวนบ้านค้างสต็อกจะปรับตัวลดลง และคาดว่าสถานการณ์ราคาบ้านในจีนจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นไปจนถึงปีพ.ศ.2553"
นายเฉินยังกล่าวด้วยว่าราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ๆของจีนปรับตัวลง 5% ในเดือนมี.ค. โดยกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ตกอยู่ในภาวะมีบ้านค้างสต็อกอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ราคาบ้านในมณทลกวางโจวและเสิ่นเจิ้น ทรุดตัวลงอย่างหนัก แม้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นยอดขายบ้านในปีนี้ก็ตาม
"บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พยายามใช้มาตรการเชิงรุกแต่ก็ไม่ได้ผล และมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดดอกเบี้ยของรัฐบาลก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน" นายเฉินกล่าวรัฐบาลจีนพยายามกระตุ้นการส่งออกและอัตราว่างงานด้วยการใช้นโยบายลดหย่อนภาษีให้กับภาคเอกชนและให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศคู่ค้าของจีน รวมถึงสหรัฐอเมริกา
แคลร์ อินเนส นักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าวว่า จีนพยายามทุกวิถีทางที่จะเพิ่มยอดส่งออกหรือกระตุ้นภาคเอกชนให้ใช้สินค้าจีนแทนการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ รวมถึงสินค้าจำพวกสิ่งทอ เหล็กกล้า และปิโตรเคมี ซึ่งการทำเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศคู่แข่งอย่างสหรัฐ ยุโรป และประเทศในเอเชีย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน