Eurekahedge ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่บริษัทและสถาบันการเงินทั่วโลก เปิดเผยว่า กลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้าลงทุนในตลาดต่างๆทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมี.ค. และลงทุนเพิ่มขึ้น 7.2% ในตลาดหุ้นทั่วโลก
ดัชนี Eurekahedge Hedge Fund Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนของเฮดจ์ฟันด์กว่า 2,000 แห่งทั่วโลก ปรับตัวสูงขึ้น 0.8% ในปีนี้ โดยกลุ่มเฮดจ์ฟันด์เข้าลงทุนในยุโรปตะวันออกและรัสเซียมากที่สุดในเดือนมี.ค. หรือเพิ่มขึ้น 14.4%
ฮิเดกิ ฮาชิกูชิ ประธานสมาคมบริหารจัดการด้านการลงทุนทางเลือกใหม่ในญี่ปุ่นกล่าวว่า "ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่กลุ่มเฮดจน์จะเข้ามาทำกำไร เพราะที่ผ่านมาเฮดจ์ฟันด์ปลีกตัวออกจากการลงทุนในตลาดโลกเนื่องจากปัจจัยลบมากมาย รวมถึงภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซาลง"
Eurekahedge ระบุว่ เมื่อปีที่แล้วเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากเศรษฐกิจในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยดันแคน สมิธ นักวิเคราะห์ของ Eurekahedge กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "ผลการดำเนินงานของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสถาบันการเงินเพิ่มมาตรการปล่อยกู้จนทำให้เฮดจ์ฟันด์มีปัญหาในการระดมทุน นอกจากนี้ การจ้างงานของธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ลดลงและนักลงทุนแห่ถอนเงินออกจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เฮดจ์ฟันด์หลายแห่ง รวมถึง ซิทาเดล อินเวสต์เมนท์ กรุ๊ป ซึ่งดำเนินกิจการโดยเคนเนธ กริฟฟิน ถูกบีบให้ระดมทุน จำกัดการถอนเงิน และลดการจ้างงาน
ขณะเดียวกัน Eurekahedge ระบุว่า เฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากรัฐบาลของหลายประเทศมีคำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลล์ หลังจากตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนอย่างหนัก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อรายได้ของเฮดจ์ ฟันด์ด้วย
นอกจากนี้ สถานการณ์ด้านการลงทุนของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ย่ำแย่ลงหลังจากคณะทำงานประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐวางแผนยกระดับระบบควบคุมภาคการเงินการธนาคารภายในประเทศ โดยมีทั้งการใช้มาตรการคุมเข้มกับกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ และล่าสุดที่ประชุม G20 มีมติตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน