RealtyTrac Inc. ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชื่อดังในด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนบ้านที่ถูกยึดเนื่องจากถูกบังคับจำนอง (foreclosure) ในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 803,489 หลังในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ พุ่งขึ้น 24% เนื่องจากภาคเอกชนลดการจ้างงานในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยและโครงการก่อสร้างบ้านหลายแห่งถูกเลื่อนออกไปเพราะถูกกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ
เดวิด ออสลิน นักวิเคราะห์จาก Wholesale Access ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการปล่อยกู้จำนอง คาดการณ์ว่า จำนวนบ้านที่ถูกยึดจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากยอดการผิดนัดชำระหนี้และจำนวนบ้านที่ถูกบังคับจำนองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นนับเป็ฯอีกปัจจัยที่ทำให้จำนวนบ้านถูกยึดพุ่งสูงขึ้นด้วย
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนมี.ค.ร่วงลง 663,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี
โจชัว ชาปิโร หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Maria Fiorini Ramirez Inc ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ รวถึงบริษัท อินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (ไอบีเอ็ม) และบริษัท ยูเอส โพสทัล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ผลประกอบการของบริษัทหดตัวลง เราคาดว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานสหรัฐจะตึงตัวต่อไปอีก 2-3 เดือนข้งหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายและจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงขึ้น"
ดัชนี S&P Case/Shiller Index ซึ่งเป็นดัชนี้บ่งชี้ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ๆของสหรัฐบ่งชี้ว่า ราคาบ้านในสหรัฐในสหรัฐเดือนม.ค.ร่วงลง 19% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงรวดเร็วสุดเป็นประวัติการณ์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน