นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) ระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยกำลังอยู่ในภาวะขั้นวิกฤติรุนแรง โดยคาดว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเหลือ 10.9 ล้านคน จาก 14.1 ล้านคนในปีก่อน หรือลดลงถึง 22.8% ประกอบกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ผู้ประกอบการต้องลดค่าบริการลง จึงทำให้คาดว่าปีนี้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะลดลงเหลือเพียง 3.5 แสนล้านบาท จาก 5.4 แสนล้านบาทในปีก่อน หรือลดลงถึง 35%
"ความขัดแย้งทางการเมืองขั้นรุนแรงในเดือนนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไปอีก 4-6 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการต้องรับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ มาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 51 จนถึงขณะนี้กว่า 9 เดือนแล้ว หากรวมกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอีก 4-6 เดือน ก็จะรวมเป็น 15 เดือน ผู้ประกอบการหลายรายคงต้องปิดกิจการ" นายกงกฤช ระบุ
ประธาน สทท. ยังเชื่อว่า จากผลกระทบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการหรือบางรายต้องปรับลดการบริการ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ลดลงราว 10% ของการจ้างแรงงานทั้งหมด 2.57 ล้านคน คิดเป็นจำนวนการว่างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่อาจสูงถึง 2.57 แสนคน
สทท.ได้เสนอแนวทางการแก้ไขวิกฤติอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 3 มาตรการหลัก รวม 17 ข้อ ประกอบด้วย 1.มาตรการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศ เช่น เร่งประชาสัมพันธ์สร้างภาพพจน์ด้านบวกให้แก่ประเทศไทย, เร่งจัดประชุมอาเซียนและประเทศคู่เจรจาโดยเร็ว, เร่งเจรจาสายการบินที่มีเส้นทางบินมายังไทยให้คงจำนวนเที่ยวบินโดยไม่ลดหรือยกเลิกเที่ยวบิน
2. มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว เช่น การจัดหาสินเชื่อผ่อนปรนทั้งเงื่อนไขและดอกเบี้ยวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท, การผ่อนชำระภาษีทุกประเภทให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว, จัดสรรงบประมาณพิเศษเพื่อให้สถานประกอบการท่องเที่ยวได้อบรมพนักงานให้มีทักษะที่ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ
3. มาตรการเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการฟื้นตัว เช่น การจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 10% ของงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 หรือประมาณ 1.9 แสนล้านบาท เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบุคลากรการท่องเที่ยว รวมถึงการยกระดับมาตรฐานคุณภาพของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย