นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ ได้เห็นชอบแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทยระยะ 10 ปีตั้งแต่ปี 52-61 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานใช้จัดทำแผนปฎิบัติ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนปฎิบัติการให้สอดคล้องกับมาตรการและแนวทาง
ทั้งนี้ ตามแผนแม่บทจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ มีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาด้านการประมงอย่างเป็นระบบ พร้อมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผน และจะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนแม่บทฯ 4 คณะ
กระทรวงเกษตรฯ รายงานว่าไทยเป็นผู้นำภาคการประมงมีผลผลิตรวมของสัตว์น้ำในช่วงปี 35-47 อยู่ที่ 3.6-4.1 ล้านตัน/ปี และอาชีพประมงที่สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ และยังก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งอุตสาหกรรมโรงงานแปรรูปต่าง ๆ แต่จากข้อมูลพบว่าผลผลิตจากประมงทะเลไทยเริ่มลดลงต่อเนื่อง จนทำให้เรือประมงต้องออกไปทำการประมงในทะเลหลวงและในเขตน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะซื้อใบอนุญาตหรือทำประมงร่วม โดยผลผลิตการทำประมงในน่านน้ำไทยอยู่ที่ 56% และการทำประมงนอกน่านน้ำ 44%
นอกจากนี้ ยังพบว่าทรัพยากรประมงของไทยเสื่อมโทรมลงจากการทำประมงมากเกินไป มีการใช้เครื่องมือประมงที่หลากหลายชนิด ขณะที่การทำประมงนอกน่านน้ำมีปัญหาเรื่องการประกอบอาชีพที่มีการปิดกั้นแหล่งทำประมง และยังมีปัญหาต้นทุนการทำประมงที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนผันแปรสูงถึง 60%
สาระสำคัญของแผนแม่บทฯ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาประมงทะเลอย่างยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีคนเป็นศูนย์กลาง มีการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำ ฟื้นฟู ดูแล และรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลให้คงความอุดมสมบูรณ์ พร้อมพัฒนาศักยภาพองค์กรประมง และส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
โดยวางแนวทางในการรักษาระดับการจับสัตว์น้ำในน่านน้ำให้ได้ 1.7-2 ล้านตัน/ปี โดยมีสัตว์น้ำเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 80% และการจับสัตว์น้ำนอกน่านน้ำ ระหว่าง 1-1.5 ล้านตัน/ปี มีองค์กรชาวประมงที่มีส่วนร่วมดำเนินกิจกรรมกับภาครัฐ อย่างน้อย 1 องค์กร/จังหวัด มีการบริหารจัดการประมง โดยมีชุมชนมีส่วนร่วมอย่างน้อย 10%ของชุมชนประมงชายฝั่ง